Page 14 - Book
P. 14

คุณธนญชัย  ก็พี่เป็นมนุษย์เนอะ ก็ขาดไปข้อสองข้อมันก็เป็นคนเลวไง เป็นคนห่วยแตก พี่เป็นคนไม่เอา

                                 ถ่าน ก็แค่นั้นเอง แต่สุดนะครับ แต่การสุดของพี่นี้ไม่ใช่เพื่อที่จะท าให้พี่ดูดีว่าเป็นคนมีธรรม
                                 มะ เพราะการที่คนทั่วไปมองพี่ว่า พี่นั่นเดินมาแล้วก็ ‘โอ้โห่ ช่างเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ

                                 เหลือเกิน’ เป็นคนมองแล้วเครียด ‘เมื่อไหร่กูจะได้แบบแม่งวะ แม่งสมบูรณ์มาก’ หรือไม่มัน

                                 ก็ต้องมองว่า ‘มึงต้องมีเหี้ยอะไรที่แม้งไม่ดีแน่ ๆ เลย ต้องมีอะ ขี้ก็ขี้ไม่สุดอะมึงอะ ท าอะไร
                                 ต้องมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ดีอะ ต้องพูดจาหยาบคายอะ’ พี่ก็บอกไปเลยว่าชีวิตนี้พี่จะไม่

                                 เครียด เพราะพี่ต้องการความโล่ง ความสบาย เพราะฉะนั้นพี่ยอมรับในสิ่งที่พี่ท า ศีล 5 พี่ยัง
                                 ท าได้ไม่ครบ ก็ไม่เป็นไร แต่พี่มีความประสงค์ว่าอยากจะท า ถึงแม้ว่าวันหนึ่งพี่สามารถที่จะ

                                 ด ารงตนให้ได้ศีล 5 ได้ครบพี่ก็ขอว่าการด ารงศีล 5 ของพี่อะด้วยจุดประสงค์เดียวคือท าให้พี่

                                 รู้สึกว่าพี่ไม่อยากจะละเมิดศีลเพราะว่าพี่จะเป็นพุทธ แต่ไม่ใช่ว่าพี่จะต้องมีศีล 5 เพราะคน
                                 อื่นเฝ้ามองอยู่ว่าพี่ควรจะมีศีล 5 มันต่างกัน ถ้าเป็นอย่างที่เฝ้าระแวงว่าคนอื่นเขาจะคิดว่า

                                 เราดูดีหรือไม่ดูดีนี่พี่เครียด พี่ไม่เอา พี่ก็เลยปล่อยให้ตัวเองมันเข้าใจตัวเองไปเรื่อย ๆ แค่
                                 นั้นเองในความเป็นมนุษย์ของพี่ครับ มันเครียดถ้าคนจะมาคาดหวังว่าพี่จะสมบูรณ์แบบ พี่

                                 ไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบขนาดนั้น

                    คุณณัฐพล     คือมันก็มีนะครับที่ บางชุดความคิดที่บอกว่าศีลนี่ถือแค่ข้อเดียวก็ได้ มีสติ ซึ่งพอมันพูดค านี้
                                 มันเป็นค าที่มันจะคล้าย ๆ ชุดงานของพี่ต่อด้วย คือมันดูเรียบง่ายมาก มันดูสั้น กระชับ ได้

                                 ใจความ แต่ว่ามันแยบคายมากส าหรับชุดประสบการณ์ของแต่ละคน เพราะว่า ค าว่าสติของ

                                 แต่ละคนในช่วงวัยหรือวุฒิภาวะของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก แล้วมันจะบอกได้ไหมครับว่ามัน
                                 อยู่ที่สภาวะ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ หรือว่าเป็นอยู่ในช่วงวัยนั้น ๆ ว่ามองค าว่าสติ มองค าว่าศีล

                                 ยังไง แล้วยกตัวอย่างผมเคยได้ยินค าสอนของหลวงพ่อชา คือขออนุญาติ Mention คือพระ
                                 ท่านพูดว่า ถ้าเลื่อยไม้เสร็จแล้วขวานก็ไม่ต้องใช้แล้ว คือมันสามารถพูดได้ไหมครับว่าศีลตรง

                                 นี้มันไม่ได้มีไว้ให้แบก ?

                    คุณธนญชัย  คือมันต้องเป็นไปโดยธรรมชาติเนอะ ที่วินพูดนี่เราชอบ คือหลายเรื่องเลย คือเขาเรียกอะไร
                                 ล่ะมันเหมือนกับ อย่าท าอะไรที่มันฝืนความเป็นธรรมชาติ ถ้าคุณเป็นคนอย่างนี้ คุณต้องมี

                                 จิตใจที่อยากให้ดีกว่านี้ แล้วถ้ามันดีกว่านี้คุณก็ดีขึ้น แต่ถ้าคุณต้องการที่จะเป็นคนดีเพียง
                                 เพื่อที่จะเป็นที่ยอมรับว่าคนในสังคมว่ากูเป็นคนดี มึงเครียด พี่ไม่เอา พูดเรื่องเดิมเนอะ ก็

                                 ประมาณนี้ครับ จบ แต่พี่ชอบวินอันนี้อีกประเด็นหนึ่งนะ วินพูดเรื่องหนึ่งเราชอบตรงที่ว่า

                                 ความเข้าใจเมื่อในเวลาหนึ่งมันจะเข้าใจแบบนี้ เหมือหลวงปูชาพูด เลื่อยถ้ามันเลื่อยไม้เสร็จ
                                 แล้วขวานก็ไม่ต้องใช้ วันนี้เราได้ยินค านี้เราจะเข้าใจแบบนี้แล้วเรารู้สึกปิติ แต่ถ้าเราปฏิบัติ
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19