Page 16 - Book
P. 16

กว้างเกินไป มันมีหลายความเป็นพุทธมาก แล้วมึงพูดพุทธแบบไหนล่ะ คือคุณตีความพุทธ

                                 เป็นแบบไหน คุณมองพุทธแบบไหน คุณมองแบบเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี หรือคุณก าลังจะ
                                 มองเรื่องจิตตะ วิมังสา หรือคุณมองเรื่องมุมไหน ถ้าตีความพุทธปั๊บ มันกว้างแล้วมันซ้อนกัน

                                 ว่าคุณเป็นพุทธหรอ คุณถึงต้องท าเรื่องพุทธ ถ้าคุณไม่เป็นพุทธคุณท าเรื่องพุทธได้ไหม แล้ว

                                 อะไรคือความป็นพุทธ มันโยงมาเยอะแยะมากมาย เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ปัญหาในมุมของ
                                 ผมคือ ต้องเริ่มคิดว่าไอ้ที่เราว่าเราพูดเรื่องพุทธนี้คุณพูดเรื่องอะไร ?รูปแบบหรือ ? คุณพูด

                                 เรื่องการปฏิบัติ คุณพูดเรื่องศีล คุณพูดเรื่องสติ คุณพูดเรื่องไหนที่คุณบอกว่าเป็นพุทธ ต้อง
                                 จ่อให้ชัดยิ่งขึ้นมาก ๆ แล้วจะไม่เกิดปัญหา ไอ้ค าถามเมื่อครู่ผมว่ามันเกิดปัญหาเพราะเราเอา

                                 มันมาซ้อนกัน เรามองในมุมกว้างเกินไป เหมือนบทบาทหลาย ๆ อย่างมันมาซ้อนกันแล้วมัน

                                 จะเกิดความสับสนนะครับ อันนี้เสนอข้อคิดเห็นครับ
                    คุณณัฐพล     ค าถามที่ผมลองถามดูครับเพราะว่าบางทีมันค่อนข้างที่จะง่ายในการที่จะหยิบมาใช้ มัน

                                 ค่อนข้างที่จะง่ายในการที่จะหยิบมาตีความ แต่มันเปิดโอกาสให้ได้มีประสบการณ์ร่วมกับมัน
                                 แล้วมันท าให้มีความเชื่อขึ้นมาจริง ๆ เลยเกิดศรัทธาขึ้นมาจริง ๆ หรือเปล่า ? หรือบางที

                                 อาจจะไม่จ าเป็นต้องศรัทธาก็ได้แต่มีชุดความคิดที่เชื่อถืออยู่ ?

                    ดร. วิชญ     ผมเคยโดนค าถาม ๆ หนึ่งนะครับ อันนี้ถามทุกคนนะครับ คือคุณท างานพุทธท้ายที่สุดแล้ว
                                 คุณต้องการเป็น Preacher หรือเปล่า ? เขาถามผมอย่างนี้ว่า นี่คุณท าเรื่องพุทธสุดท้ายแล้ว

                                 คุณมองตัวเองเป็น Artist หรือคุณมองตัวเองเป็น Preacher , Preacher คือนักสั่งสอนธรรม

                                 ครับ สุดท้ายเป้าหมายของการท างานศิลปะของคุณคืออะไร ซึ่งไม่ผิดนะครับถ้าคุณจะเป็น
                                 Preacher ถ้าเกิดว่าเป้าหมายของคุณคือท างานศิลปะเพื่อที่จะเผยแพร่ธรรมมะ OK ไม่มี

                                 ปัญหาเลย ไม่ได้บอกว่าอันไหนสูงต่ ากว่ากัน คือว่าเพียงแต่คุณต้องเริ่มคิดแล้วว่าเป้าหมาย
                                 จริง ๆ ของคุณ คุณท างานศิลปะเพื่อเป้าไหน คือมันต่างกันนะครับ อันนี้คือท าเพื่อสร้าง

                                 ความศรัทธาก็ได้หรือท าเพื่อตีความ คือมันมีหลายแบบนะครับ

                    คุณณัฐพล     ถ้าอย่างนั้นในรูปแบบการท างานก็จะเป็น Process ในเชิงของการท าหนังหรือในเชิงของการ
                                 งานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม คือมันจะมีวิธีการที่หยิบ Concept แล้วจะเป็น

                                 Concept ในเชิงพุทธขึ้นมา แล้วคราวนี้มันอาจจะไม่ใช่การเผยแผ่หรือเผยแพร่ แต่มันเป็น
                                 ประสบการณ์ร่วมในระหว่างการท างาน สภาวะอย่างนี้มันมีเกิดขึ้นบ้างไหมครับ ? คือหยิบ

                                 ขึ้นมาใช้แล้วเรา เห้ย เราตาม  Follow งานใน (Inter)net เราตาม Follow Concept นี้

                                 แล้วเกิดเหมือนกับมีประสบการณ์หรือรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่ามันเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้
                                 มีเจตนาว่า เห้ย เป็นการเผยแผ่หรือว่าเป็นการเอาพุทธมาท า Art ซะทีเดียว แต่ว่าศิลปะมัน

                                 เป็นเพียงสื่อในการที่จะหยิบ ในการที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ศิลปินหลาย ๆ ท่านที่ท างาน
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21