Page 12 - Book
P. 12

ดร. วิชญ     มันเกิดขึ้นเอง คือเราหมดพลังกับมัน ผมหยุด แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลับมาใจกับมัน

                                 อีกไม่ได้ ผมก็ตั้ง Frame ทิ้งไว้ อีกสองวันผมมีใจผมก็กลับมา แต่มันมักจะเป็นความรู้สึกว่า
                                 พอกลับมาดูปั๊บ อันนี้คือสิ่งที่เราผ่านมันมาแล้ว ใจเราโตขึ้นกว่าตอนนั้นแล้ว เราอยากจะเจอ

                                 เรื่องใหม่ ผมมองว่าแต่ละคนจะหาจุดที่พอไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะมี Deadline มี

                                 เป้าหมายของตัวเองไม่เหมือนกัน แต่มีอันหนึ่งที่ผมมักจะเตือนใจตลอดนะครับคือ นั่งสมาธิ
                                 มากไปก็ไม่ดี มันเจ็บ  ถ้าเราก้าวข้ามความเจ็บได้ก็ดีไป แต่เราก็จะเจอโจทย์ใหม่มันเจ็บ

                                 กว่าเดิม ถ้ายังไม่พร้อมอย่าเพิ่งไป ไม่ควรก้าวกระโดด ไม่ควรจะ ‘กูจะอดอาหารแล้ววันนี้
                                 กินคีโตน (Ketone) แบบกูจะกินคีโตนสักสิบวัน พุงลดเลย’ ถ้าท าได้ก็ดี แต่ท าไม่ได้อย่าฝืน

                                 เรียนรู้ว่าเราท าอะไรไม่ได้แล้วเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ เรามีโอกาสเรียนรู้ได้เรื่อย ๆ ชีวิตคือการ

                                 เรียนรู้อะ ถ้าเราเหลือโจทย์ให้เราเรียนรู้ต่อไปได้อีกผมว่าชีวิตมีความสุข เราอยู่กับงาน
                                 ท างานแบบเรามีเป้าที่จะอยากศึกษามันเพิ่มนะ ไม่ต้องเอาชนะไปตลอดเวลาก็ได้ เหลือโจทย์

                                 ให้ตัวเองได้คิด ได้สนุกกับมันต่อ อันนี้ผมเอามาสอนตัวเอง งานก็จะได้มีโอกาสได้ท าให้มัน
                                 สนุกต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่ผมเดาว่าทุกคนน่าจะมีโจทย์ไม่เหมือนกัน อย่างที่บอกพุทธมันคือ

                                 การตีความส่วนตัวนะครับ ก็ลองตีความในแบบของตัวเอง

                    คุณณัฐพล     ถ้าพุทธคือการตีความ จะเรียกมันว่ามันเป็นชุดความคิดได้ไหมครับ จะเรียกมันว่าเป็น
                                 Concept ได้ไหมครับ ?

                    ดร. วิชญ     ผมว่ามันคิดได้หลายแบบนะ มันมี Idea หนึ่งเคยบอกว่าพุทธจะต้องเป็บแบบนี้ครับ ถ้าเรา

                                 ย้อนกลับไปในสมัยเถรวาท ใช่ไหม ที่วัดบวรเกิดขึ้นมา คือตอนนั้นสังคมไทยก าลังถูก
                                 วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาครอบครอง เขาไม่ค่อยเชื่อพุทธนะ เขาบอกพุทธเราเป็นผี ไม่ใช่

                                 พุทธ รัชกาลที่ 4 ท่านก็เลยคิดพุทธแบบ Reform เลย Reform Movement เลยนะ คือเข้า
                                 ทางวัดป่าเลย ศีลเลย ท่องบาลีเลย ก็คืออ่านเลยแบบเอาตามบทเลย ก็มีโจทย์ของมันอยู่ว่า

                                 ท าขึ้นมาเพื่อเหตุผลอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าพุทธเถรวาทเป็นพุทธแบบเดียวเลยที่จะมี

                                 อยู่ พุทธมหานิกายก็ยังอยู่ มันคือชุดของการตีความ ต้องถามว่าเป้าหมายในการตีความเพื่อ
                                 อะไร อย่าเถรวาทส าหรับผม ผมมองว่ามันเกิดขึ้นมาเพื่อที่จะ Debate กับฝรั่งว่านี่คือพุทธ

                                 แบบ Pure นะ แต่ในขณะเดียวกันอีกคนหนึ่งไปไหว้พระร่วงที่นครปฐมแล้วถวายไข่ต้มร้อย
                                 ฟอง ถามว่าเขาพุทธไหม ส าหรับผม ผมว่าเขาก็พุทธ ถ้าเกิดว่าเขาไปถวายแล้ว เขาท าความ

                                 ดี เขาอยู่ในศีลในระหว่างที่เขาท า อย่างน้อยเขายังรู้สึก เออ เขาท าความดี มันก็พุทธในแบบ

                                 ของเขา มันก็ไม่ได้ต่างกัน แต่เป้าหมายมันต่างกัน ผมว่าอยู่ที่เป้าหมาย แต่อันนี้อาจจะไม่
                                 เหมือนกันนะผมว่าแต่ละคนอาจจะคิดไม่เหมือนกัน
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17