Page 20 - Book
P. 20
จะไปทางไหนก็ได้ มันไม่เหมือนกัน ก็ย้อนกลับไปที่อันเดิมคือคุณต้องชัดอะว่าคุณจะต้องการ
สื่อสารอะไร อันนี้ผมมองในฐานะ Fine Art แต่ฐานนะของพี่ต่อ พี่ต่อจะมีประสบการณ์
อย่างไรบ้างครับ ?
คุณธนญชัย คือ ของพี่อาจจะคุ้นชินกับการท าสื่อประเภทแบบอธิบายไม่ได้ พี่หมดสิทธิในการอธิบายเลย
ถ้าเป็น Artist ก็คือ เป็น Artist ที่ มึงท าเสร็จแล้วอาจจะพูดให้มันถึงกึ๋น ๆ หน่อยก็คือ มึงท า
เสร็จแล้วมึงหุบปากเลยมึงห้ามพูด พี่นะไม่มีสิทธิพูดแล้วไม่มีสิทธิอธิบายเลย ดูงานปุ๊ป ชอบ
ก็ชอบ จบ หน้าที่พี่นะ โครตเศร้าเลย เพราะพี่เป็นผู้ก ากับ พี่อธิบายไม่ได้ว่างานพี่ดียังไง งาน
นี้มันจะท างานก็ต่อเมื่อคนดูแล้วชอบหรือเปล่า ชอบก็ Success ไม่ชอบก็ไม่ Success อันนี้
คือประเด็นของพี่ เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยรู้สึกเห็นสอดคล้องกับอาจารย์ถวัลย์ว่า คุณดูแล้วคุณ
รู้สึกหรือเปล่า อย่างนี้ครับ คุณค่าของงานมันก็แล้วแต่คนเนอะ พุทธแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
งานบางงานเราคิดว่ามันไม่พุทธ แต่จริง ๆ ในงานนั้นก็มีพุทธ Van Gogh , Van Gogh ก็
พุทธ คุณดูดิเขามีสีแค่นี้แต่เขาสามารถที่จะใช้ฉันทะของเขา ก็มีฉันทะอยู่ข้างใน คือความมุ่ง
มันปรารถนา มีสมาธิในการท างานแล้วจดจ่ออย่างสู่งนี่ก็คือพุทธ ภาพ Van Gogh ก็เตือนสติ
คุณได้ในอีกนัยย์หนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่จ าเป็นที่จะต้องสื่อในทางพระไตรปิฎกอย่างชัดเจนว่า
นี่คือโลกุตระ นี่คือนั่น นี่คืออานาปานสติ นี่คืออิทัปปัจจยตา นี่คืออะไร ไม่ใช่ ในความคิดเรา
นะ Mona Lisa ก็อาจจะมีความเป็นพุทธอยู่ก็ได้ มันมีความแบบหลอกจิต มันดูแล้วมันสวย
หลอกจิต รูป Mona Lisa ก็มีคุณค่าทางศิลปะ ทางพุทธก็คือ ดูแล้วหลงไหล ดูแล้วรู้สึกว่าจิต
เตลิดเปิดเปิง รูปนี้เหมาะกับการฝึกจิตมากที่จะไม่ให้คล้อยตามกับดวงตาคู่นั้นของ Mona
Lisa เป็นเครื่องมือฝึกจิต เพราะฉะนั้นมีประโยชน์เหมือนกัน อันนี้ก็มีคุณค่าทางพุทธ
เหมือนกัน นึกออกไหมครับ มันตรงเกินไปถ้าจะบอกว่า เห้ย อันนี้ทุกขเวทนาอะไรอย่างนี้
ส าหรับเราเนอะ งานของ Kandinsky งานของ Bacon , Francis Bacon อย่างนี้ โอ้โหแบบ
Physiology อย่างนี้แบบ แหวะ อย่างนี้ สังเวท ดูแล้วสังเวท ดูแล้วทุกขเวทนา เห็นทุกข์
