Page 69 - mukdahansuksapub
P. 69

                                                                                                             69                 ลํานํ้าโขงมาตลอด ที่ท่านตั้งชื่อเรือว่าเรือ “มณฑล”  เพราะว่าเมื่อมีข้าหลวงมาประจําเมืองมุกดาหารข้าหลวงได้                 ฟ้องกล่าวโทษไปยังผู้สําเร็จราชการมณฑลว่า    ท่านเกณฑ์แรงงานราษฎรมาฉุดลากต้นตะเคียนและขุดถากเรือ                 จนได้รับความลําบาก  แต่ทางมณฑลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง                                              เรือมณฑลเคยเป็นเรือเคยรับเสด็จ เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ                 เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย เสด็จมาตรวจราชการภาคอีสาน     ซึ่งพระองค์ได้ประทับเรือมณฑลล่องแก่งในลํา                 นํ้าโขงจากธาตุพนมมายังเมืองมุกดาหารเมื่อวันที่ ๑๙-๒๐ มกราคม  พ.ศ.๒๔๔๙  ปัจจุบันเรือมณฑลที่มีอายุร้อย                 กว่าปีได้มีการบูรณะซ่อมแล้วและยังเก็บรักษาไว้ที่วัดศรีสุมังค์ อําเภอเมือง  จังหวัดมุกดาหาร                                             พ.ศ.๒๔๓๖ ราชอาณาจักรไทยต้องเสียดินแดนฝั่งโขงตะวันออก(ดินแดนลาว)ให้แก่ฝรั่งเศส                 เมืองมุกดาหารจึงเสียดินแดนไป ๓ ใน ๔ ส่วน  คงเหลือแต่ดินแดนฝั่งโขงตะวันตกคือเขตจังหวัดมุกดาหารใน                 ปัจจุบัน  โดยฝรั่งเศสคุมทหารญวนบุกรุกเข้ามาโดยอ้างว่าเป็นเขตแดนของญวน   แล้วขับไล่ไพร่พลของเมือง                 มุกดาหารที่ไปรักษาเขตแดนให้ออกมาให้พ้นเขตแม่นํ้าโขง                                            ฝรั่งเศสได้ย้ายที่ทําการข้าหลวงฝรั่งเศสจากเมืองสองคอนดอนดง(ตรงข้ามกับอําเภอเขมราฐ)มา                 ตั้งที่บ้านท่าแห่ริมฝั่งโขงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองมุกดาหาร แล้วตั้งเมืองขึ้นใหม่ชื่อเมือง สะหวันนเขต ไทยเรียกว่า                 เมือง สุวรรณเขต ข้าหลวงฝรั่งเศสประจําเมืองสุวรรณเขตคนแรกชื่อม.โอรังใด เมื่อฝรั่งเศสได้ดินแดนลาวเป็นอา                 ณานิคมแล้ว  ยังได้ขอตั้ง ผู้แทนทางการค้า (Commercial Agency)ขึ้นตามหัวเมืองริมฝั่งโขงคือที่เมือเขมราฐ,เมือง                 มุกดาหาร,เมืองนครพนม,เมืองท่าอุเทนและเมืองหนองคาย   แต่พฤติกรรมของผู้แทนทางการค้าเหล่านี้ทําหน้าที่                 เหมือนกงสุลหรือเสมือนสายลับของฝรั่งเศส   คอยสอดส่องดูว่าฝ่ายไทยกระทําผิดในสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่ง                 หรือไม่เช่นการห้ามมิให้ฝ่ายไทยตั้งหรือมีทหารในเขต ๒๕ กิโลเมตรริมฝั่งโขงและยังมีแนวความคิดที่จะผนวก                 เอาดินแดนฝั่งโขงด้านตะวันตกอีก ๒๕  กิโลเมตรด้วย                                             วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๗ มองสิเออร์ โอรังใด   ข้าหลวงฝรั่งเศสประจําเมืองสุวรรณเขต                 พร้อมคณะรวม ๓ คนพร้อมด้วยล่ามญวนได้นั่งเรือกลไฟชื่อ เรือมาสซี    ข้ามโขงมาจอดที่ท่านํ้าเมืองมุกดาหาร                 แล้วเชิญเจ้าเมืองและข้าหลวงประจําเมืองมุกดาหารไปพบ  ฝรั่งเศสบอกว่าจะให้ผู้แทนทางการค้าของฝรั่งเศสมา                 อยู่ประจําที่เมืองมุกดาหาร  จึงขอให้เจ้าเมืองพาไปดูสถานที่ที่จะมาอยู่      เจ้าเมืองคือพระยาศศิวงษ์ฯพาเดินไปดู                 ทางวัดศรีสุมังค์ริมฝั่งโขง      ฝรั่งเศสขอให้เจ้าเมืองสร้างที่พักให้จะเป็นเงินเท่าใดจะจ่ายให้ภายหลังแล้วเดินย้อน                 กลับขึ้นมาผ่านจวนเจ้าเมืองและศากลาง(อยู่ในบริเวณจวนเจ้าเมือง)      ซึ่งมีกรมการเมืองนั่งรออยู่พร้อมกันที่นั่น                 ฝรั่งเศสบอกว่าจะขอมาพักอยู่บนศาลากลางก่อนขอให้กั้นห้องให้และให้ปลูกโรงครัวอีกโรงหนึ่งด้วย  แล้วถาม                 เจ้าเมืองว่าทราบหนังสือสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสหรือไม่ว่าเมื่อผู้แทนฝรั่งเศสมาอยู่ที่นี่แล้ว    เจ้าเมืองต้อง                 รับผิดชอบดูแลรักษาด้วย  หากมีทรัพย์สินสิ่งใดเสียหายเจ้าเมืองจะไม่พ้นผิดและบอกอีกว่าในสัญญาห้ามมิให้ข้า                 หลวงไทยอยู่ริมฝั่งโขง ๒๕ กิโลเมตร
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74