Page 39 - รวมเล่ม บทที่ 1-252 Ebook
P. 39
15
มั่นถือมั่นกันต่างๆนานา แล ้วตลอดมา ไม่ต ้องไปหาที่
ว่าจะต ้องทําตามธรรมะ ไหนโดยมันมี ตั้งแต่ยังไม่มี
แบบนั้น แบบโน้น แบบนี้ ใครทราบเพียงแต่มายา ความ
จึงจะถูกต ้อง อย่างอื่นไม่ถูก หลงผิดการยึดถือมั่น การปรุง
นั้น แต่งฯลฯไปปิดบังจิตมิให ้
มองเห็นธรรมชาติที่แท ้จริง
จึงน่าจะไม่ถูกต ้อง เท่านั้นเอง..
น่าจะแล ้วแต่จริต กําลังปัญญา
ของบุคคลบัว 4 เหล่าไม่ การที่คนๆหนึ่งจะเลือกวิธี
เท่ากันบางคนปฏิบัติเป็นขั้น ทําความดี หรือการที่เขาจะ
เป็นตอนไปไม่สําเร็จ เกิด เลือกวิธีเข ้าถึงความดีขั้นสูง
วิจิกิจฉาสงสัยอยู่รํ่าไป และตก
เป็นทาสของความพยายามไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องของการคิดดี
มีที่สิ้นสุด... ทําดีทั้งนั้น ไม่มีความชั่วปะปน
บางคนจึงต ้องออก
มาคิดนอกกรอบเข ้าถึงธรรมะ อีกทั้งก็เป็นแนวทางหนึ่ง
ได ้ด ้วยใจ มีกําลังธรรมสูง ในครั้งพุทธกาลที่มีการตรัสรู้
กล่าวคือสามารถรวบรวม โดยคําสอนประโยคเดียว
นําเอาระบบความรู้ทั้งหมด โพล่งเดียวก็เข ้าถึง
มาคิดรวบยอดเป็นหนึ่งเดียว
สามารถเข ้าใจเข ้าถึงได ้ทันที เพราะเหตุ ผู้สดับเป็นผู้ที่
เรียกว่า"โพล่งเดียวถึง" มีกําลังธรรม(experience)
โดยวิธีธรรมชาติ โดยอาศัย มีปัญญาแบบบูรณาการ
กําลังธรรมโดยตรงคือ เข ้าใจโครงสร ้างของภาวะ
หนทางแห่งการพ ้นทุกข์ นิพพานทั้งหมด จึงเกิด
ซึ่งถูกกับจริตของเขา ความคิดรวบยอด และเข ้าถึง
เป็นปัจจัตตัง ทําเองได ้เอง ได ้ในพริบตา ทันทีทันควัน
กําจัดอาสวะกิเลส อนุสัย
ด ้วยตัวของเขาเองในทันที ซึ่งโดยที่สมัยก่อนๆ ยังเข ้าใจ
กันว่าการเข ้าถึงโดยฉับพลัน
ว่าธรรมชาติสูงสุดหรือ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน
ธรรมะสูงสุดหรือธรรมชาติเดิม เพียงประโยคเดียวนั้น...
แท ้ที่แท ้ก็มีอยู่ในตัวของเขา เป็นเพียงเรื่องเล่าต่อๆกันมา
เองและของสิ่งมีชีวิตพร ้อม และเป็นไปไม่ได ้ และไม่มี