Page 41 - รวมเล่ม บทที่ 1-252 Ebook
P. 41
17
จิต นั่นแหละคือ ธรรม นั้น และผู้ซึ่งตรัสรู้แล ้ว
ก็ไม่พูดว่าเขารู้อะไร
2) พวกเธออาจ"พูด"ได ้ตลอด
ทั้งวันถึงกระนั้นก็จะมีอะไรบ ้าง 6) การถ่ายทอด ความว่าง
ที่ได ้"พูด"ออกมา ให ้แก่กันและกันนั้น
พวกเธออาจ ฟัง ไปได ้ ไม่สามารถทําได ้โดยทาง
ตั้งแต่เช ้ าจนพลบคํ่า "คําพูด"มันเป็นการถ่ายทอด
ถึงกระนั้นก็จะมีอะไรบ ้าง จิต ด ้วย จิต
ที่เธอ ได ้ยิน
เพราะฉะนั้น แม ้ว่า การไม่ได ้รับ ธรรมะ อะไรเลย
พระโคตมะพุทธะจะได ้ นั่นแหละ เรียกว่า การ
ทรงประกาศธรรมเป็นเวลา ถ่ายทอด จิตการเข ้าใจซึม
นานหลายปี โดยความจริง ซาบ จิต ชนิดนี้หมายความว่า
แล ้วไม่มีถ ้อยคําใดๆ ไม่มี จิตและไม่มี ธรรมะ
ซึ่งพระองค์ได ้"ตรัส"เลย
*ตํารา*
#อธิบาย: =====
ตัว"คําพูด"เป็นสิ่งไหลพล่อยๆ 1)ไม่มี"ตํารา"
และเป็ นมายาตัวความจริงนั้น ไม่มีการติด"ตํารา"
อยู่เหนือ"คําพูด"แต่เป็นสิ่ง .........................
ที่ตัองอาศัยความได ้ผ่าน เพราะ"ตํารา"นั่นเอง
มาแล ้ว(Experience) เป็นม่านอวิชชาที่บังตาคน
อย่างเงียบและลึกจึงจะรู้ได ้ ไม่ให ้เห็นความว่าง
ฉะนั้น เมื่อมองกันอย่างจริงแท ้
ถึงที่สุด ไม่มีคําพูดที่พระองค์ "ตํารา"เป็นเพียงรอยบันทึก
ได ้"ตรัส"(ท่านพุทธทาส) ของ"คําพูด"
3) ธรรมชาติแท ้ของ จิต นั้น เพราะ ธรรม ตัวจริงนั้น
ถ ้าเข ้าใจซึมซาบแล ้ว แสดงไม่ได ้ด ้วย"คําพูด"
"คําพูด"ของมนุษย์ไม่สามารถ ถึงไม่ได ้ด ้วย"การพูด"
หว่านล ้อม หรือเปิดเผยมันได ้ แต่ถึงได ้ ด ้วยการแทรกตัว
4)ความตรัสรู้ คือความไม่มี เข ้าไปในธรรมชาติ
อะไรให ้ใครต ้องลุถึง จนกระทั่งถึงธรรมชาติเดิมแท ้
(ไม่มีอะไรลุถึงอะไร)