Page 62 - มนุษย์
P. 62
เขม็งตาไปที่เพื่อนซี้ที่มาโรงเรียนด้วยกันทุกเช้า ขนาดฉันโทรไปปลุกตั้งแต่เช้าก็ยัง
ไม่ตื่น อดหลับอดนอนมาจากไหนหะ!
“ขอโทษษษ คราวหลังฉันจะไม่สายจริงๆ แล้ว” หมอกพูดพร้อมกับยกมือไหว้
ท�าหน้าตาส�านึกผิดไปด้วย อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่รู้ทันลูกอ้อนของแกนะ!
“มาสายแล้วยังคุยมากอีก คาบเรียนสุดท้ายท�าความสะอาดห้องด้วยนะคะ”
ครูพูดขึ้น หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปจนถึงเลิกเรียน นักเรียนคนอื่นๆ ต่างก็พากันแยกย้าย
กลับบ้าน
ดวงตะวันก�าลังลาลับขอบฟ้า เมื่อนั้นแสงสีทองประกายแสดเข้าตกกระทบ
กับแม่น�้า สะท้อนพร่างพรายระยิบระยับ ต้นหญ้าที่เคลื่อนไหวตามสายลมที่พัดผ่าน
หมู่นกกาบินว่อนเล่นลมอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ก�าลังเดิน
กลับบ้านก็ดังขึ้น
“เฮ้อออ วันนี้เหนื่อยจังเลย ว่าไหมใบหม่อน” หมอกพูดพลางบิดตัว ยืดเส้น
ยืดสายไปด้วย แล้วก็หยิบก้อนหินบนถนนขึ้นมาโยนเล่น
“ฉันสิเหนื่อย ก็แกเล่นนั่งเฉยๆ ไม่ช่วยกันท�าความสะอาดเลยนี่ ทั้งที่แก
เป็นต้นเหตุ ท�าให้มาสาย ฉันก็เลยโดนไปด้วย ไม่ยุติธรรมเลย!” ฉันเหลือบมองไปยัง
หมอกที่ก�าลังปาก้อนหินเล่นบนผิวน�้า เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ ว่าแล้วก็วิ่งไป
กระโดดเกาะหลังหมอก
“เฮ้ยๆๆ อะไรของแกเนี่ย น�้าหนักเท่าไหร่เนี่ย ลงไปเลยนะ” หมอกพูดพลาง
วิ่งหนีฉันไปด้วย ท่ามกลางทุ่งหญ้านี้ มีแค่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเราสองคนฉัน
ยังจ�าได้ดี ความทรงจ�าของเราทั้งสอง ยังคงอยู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ทว่าตอนนี้แก
หายไปไหนแล้วล่ะหมอก สัญญาของเราที่จะคอยดูดอกทานตะวันเติบโตไปด้วยกัน
ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้แกเป็นอย่างไรบ้างตั้งแต่วันนั้นที่หายไป นี่ก็ผ่านมา 5 ปีแล้วที่แกหายไป
ฉันนั่งมองออกไปข้างนอกปล่อยให้น�้าตาค่อยๆ ไหลริน บ่อยครั้งที่ความทรงจ�าเก่าๆ
ระหว่างเรามันผุดขึ้นมาในหัว ในขณะที่ฉันนั่งซึมอยู่นั้น เสียงเตือนนาฬิกาข้อมือก็ดัง
ขึ้นบอกถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านไปทานข้าวเย็นกับครอบครัว
ฉันหยิบกระเป๋าหิ้ว แล้วเดินออกจากร้านไป ฉันที่ก�าลังรอไฟเขียวเพื่อที่
จะข้ามถนนไปยังอีกฟากซึ่งฉันจอดรถไว้ที่นั่น ทันทีที่ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว
จิระประภา ไทยศิลป์ 59