Page 100 - คู่มือการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการสอบสวนคดีเด็กและเยาวชน
P. 100

ิ
                                                       ์
           โครงการวจัยการพัฒนากระบวนการจดการและวิเคราะห์วัตถุพยานทางนิตวิทยาศาสตรในคดีเดกและเยาวชน
                              ั
                ิ
                                                           ็
                      (3)  การตั้งประเด็นคำถาม
                      เจ้าหน้าที่ควรใช้คำถามด้วยภาษาพูดที่เหมาะสม ถามตามคำถามที่กำหนด
           ไว้ในการสอบสวน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาเล่าเรื่อง บางครั้งผู้ต้องหาอาจจะพูดนอกเรื่อง

           แต่ในเรื่องราวที่เล่าอาจมีพื้นฐานของความจริงอยู่บ้าง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนต้อง
           รับฟังการพูดนอกเรื่องของผู้ต้องหา แต่จะต้องไม่ยอมรับการปฏิเสธของผู้ต้องหา จากนั้น
           ดึงผู้ต้องหากลับเข้ามากับข้อเท็จจริงในการกระทำผิด โดยถามคำถามอย่างตรงไปตรงมา

           และตรงประเด็น
                               นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมในระหว่างการสอบสวน
           กรณีที่มีการสอบสวนเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือผู้กระทำผิด

           พนักงานสอบสวนจะต้องใช้วิจารณญาณของตนในการประเมินการถามปากคำว่า คำถามใด
           ที่จะต้องใช้วิธีการตั้งคำถามผ่านนักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาหรือจะเป็นผู้สอบปากคำ
           เด็กด้วยตนเอง เพราะจะต้องคำนึงถึงคำถามที่จะกระทบต่อจิตใจเด็ก โดยต้องแจ้งให้

           นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ทราบก่อน ในกรณีนี้หากนักจิตวิทยาหรือนักสังคม
           สงเคราะห์เห็นว่าการถามปากคำเด็กคนใดหรือคำถามใด อาจจะมีผลกระทบกระเทือนต่อ
           จิตใจเด็กอย่างรุนแรง พนักงานสอบสวนจะต้องซักถามผ่านนักจิตวิทยาหรือนักสังคม
           สงเคราะห์เป็นการเฉพาะ โดยมิให้เด็กได้ยินคำถามของพนักงานสอบสวนและห้ามมิให้ถาม

           เด็กซ้ำซ้อนหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
                      (4)  การสังเกตพฤติกรรม
                      คำให้การที่ได้จากเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้นจะ

           ขึ้นอยู่กับอายุ พัฒนาการตามวัย สภาวะทางร่ายกาย จิตใจ สติปัญญา ประสบการณ์ของเด็ก
           และเยาวชน ซึ่งหากเป็นเด็กและเยาวชนที่เคยกระทำผิดซ้ำ พนักงานสอบสวน
           ควรตั้งข้อสังเกตทั้งในส่วนของพฤติกรรมและคำให้การ ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กและเยาวชน
           เคยมีประสบการณ์ในการกระทำผิด จึงทำให้คำให้การของเด็กและเยาวชนอาจจะไม่มี

           ความน่าเชื่อถือเท่าที่ควร ซึ่งเทคนิคในการพิจารณาว่าคำให้การของเด็กและเยาวชนนั้น
           มีความน่าเชื่อถือเพียงใด จะพิจารณาหรือสังเกตพฤติกรรมที่ผ่านการแสดงออกที่ผิดธรรมชาติ
           เช่น การพูดติดขัด หรือซ้ำไปซ้ำมากับคำเดิม การขยับหัวไปมา การหายใจถี่และแรงขึ้น เป็นต้น



                       คู่มือการจัดการความรู้เพื่อพัฒนากระบวนการสอบสวนคดีเด็กและเยาวชน   99
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105