Page 8 - สังคมไทยในบริบทโลก
P. 8
สังคมไทยในบริบทโลก
ผลส าเร็จก็แสดงท่าทีคุกคาม เพื่อให้ประเทศชาติรอดพ้นจากการยึดครองของประเทศจักรวรรดิ
นิยม ประเทศไทยจึงเปิดรับความสัมพันธ์จากประเทศตะวันตก พร้อมไปกับพัฒนาสู่ความเป็น
สังคมสมัยใหม่ด้วยรูปแบบตะวันตก (Westernization) นับเป็นปรากฏการณ์ส าคัญในการปรับตัว
ของสังคมไทยสู่สังคมโลก
2.1.2.1 การติดต่อกับประเทศตะวันตกยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
ประเทศไทยมิได้ติดต่อท าการค้ากับประเทศตะวันตก นับตั้งแต่
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เนื่องจากมีประสบการณ์จากความสัมพันธ์กับประเทศฝรั่งเศสในสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชและปัญหาการสู้รบกับประเทศพม่าช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา
รวมทั้งประเทศมหาอ านาจตะวันตกก็มีปัญหาจากความขัดแย้งภายใประเทศ และความขัดแย้ง
ระหว่างประเทศ เมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายสงบลง ต่างก็ส่งทูตมาเจรจาติดต่อท าการค้ากับประเทศ
อีกครั้งหนึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มจากประเทศอังกฤษ โดยรัฐบาลอังกฤษที่ประเทศ
อินเดียได้ตั้งนายจอห์น ครอเฟิด (John Crawfurd) เข้ามาเจริญพระราชไมตรีเมื่อพ.ศ. 2364
ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 2 การที่อังกฤษให้ความสนใจแก่ประเทศไทยนั้น เนื่องจากบริษัทอินเดีย
ตะวันออกของอังกฤษ (East Indian Company) ประสบภาวะตกต่ าจากการสู้รบในทวีปยุโรปที่
ด าเนินติดต่อยาวนานถึง 20 ปี เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ประเทศอังกฤษจึงหันกลับมาฟื้นฟูการค้าขาย
โดยคาดหวังว่าการค้าขายกับประเทศไทยและเวียดนามจะมีก าไรอย่างมาก แม้ว่าจะไม่พอใจ
วิธีการเก็บภาษีอากร การผูกขาดของพระคลังสินค้าและข้อห้ามส่งข้าวไปขายนอกพระราชอาณาจักร
ก็ตามความพยายามในการเจรจาทางการค้าของประเทศอังกฤษดังกล่าว ไม่ประสบผลส าเร็จ
เนื่องจากประเทศไทยไม่เห็นถึงความจ าเป็นที่จะต้องกระท าสนธิสัญญาต่อกัน ด้วยเกรงว่าพ่อค้า
ตะวันตกจะกลายเป็นคู่แข่งในการค้าส าเภาหลวงของเจ้านายและขุนนาง
อย่างไรก็ตาม ประเทศอังกฤษยังคงพยายามที่จะติดต่อทางการค้ากับ
ประเทศไทย และประสบผลส าเร็จเมื่อเฮนรี เบอร์นี (Henry Berney) เป็นทูตในการเจรจา
เมื่อพ.ศ. 2368 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 โดยได้ตกลงกระท าสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและ
สัญญาทางการค้าระหว่างกัน สาระส าคัญของสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีได้แก่
1) ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีการล่วงล้ าดินแดนซึ่งกันและกัน
2) ประเทศไทยยินยอมให้พ่อค้าอังกฤษค้าขายกับหัวเมืองมลายูได้
3) ประเทศไทยยินยอมยกเว้นภาษีสินค้าประเภทอาหารที่ปีนังซื้อจาก
ไทรบุรี
48