Page 185 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 185

ส่วนที่ ๓                                                                           หน้า ๑๗๓



                                 พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาของบุคคลไร้รัฐ ไร้สัญชาติ


                           คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลาย

                            ิ
               ทางเพศ ได้พจารณาแนวทางการด าเนินงานตามข้อเสนอแก้ไขปัญหาของบุคคลไร้รัฐ ไร้สัญชาติตามที่
                                ั
               รองศาสตราจารย์พนธุ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร ยื่นข้อเสนอโดยจัดท าเอกสาร เรื่อง “สถานการณ์ส าคัญ
               เกี่ยวกับคนด้อยโอกาส ซึ่งประสบปัญหาการรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมาย : โครงสร้างทางกฎหมาย
               และนโยบายเพื่อรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมายเป็นอย่างไร? ใครบ้างประสบปัญหา? มีแนวคิดและสูตรส าเร็จ
               เพื่อจัดการปัญหาดังกล่าวไหม?” เพอเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว ผู้ยื่นข้อเสนอ
                                              ื่
                                                                                                       ิ
               จึงขอแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและสะท้อนปัญหาในฐานะนักวิชาการในส่วนที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการพจารณา
               ศึกษาของคณะกรรมาธิการ และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า สังคมไทยไม่มีความเข้าใจเรื่องความเสมือนไร้สัญชาติ

               ที่ดีพอ ปัจจุบันมีคนยากจนที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้เป็นจ านวนมากที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการสังคม
               ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองให้คนมีรัฐ มีสัญชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ โดยปรากฏอยู่ในประมวล
                          ่
               กฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๑๘ ที่ก าหนดถึงสิทธิในการก าหนดชื่อบุคคล แต่ที่ยังมีคนตกหล่นจาก
               การเป็นบุคคล เป็นผลกระทบจากปัญหาในทางปฏิบัติ จากประสบการณ์ท างานของผู้ยื่นข้อเสนอกว่า ๓๐
               ปีที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีการปฏิเสธสิทธิในการใช้ชื่อ - สกุลอีกต่อไป อีกทั้ง ความเข้าใจผิดในอ าเภอ

               ต่าง ๆ ปรากฏให้เห็นน้อยมาก และหากกรมการปกครองได้รับการท้วงติงก็จะด าเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเสมอ
               ซึ่งในจุดนี้มีความเห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติควรปฏิรูปกฎหมายด้วยการยกระดับระบบกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิ
               ในการใช้ชื่อของบุคคลด้วยหลักการก าหนดเจตจ านงของตนเอง (Self Determination)

                           กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับรองสถานะของบุคคลพบว่าไม่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเนื้อหาของ
               กฎหมาย ประกอบกับหนังสือสั่งการของกรมการปกครองลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๓ มีความชัดเจน

               เกี่ยวกับการจัดท าทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน จะเห็นได้ว่า หากมีการให้องค์ความรู้
               ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเด็กรหัสจี ก็จะสามารถด าเนินการขึ้นทะเบียนเด็กกลุ่มนี้ให้แล้วเสร็จได้ภายใน ๓๐ วัน
                           ผลกระทบของคนที่ไม่มีเลขประจ าตัวประชาชน คือ ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในหลักประกัน

               สุขภาพ ทั้งที่ประเทศไทยก าหนดนโยบาย “Health for All” มาตั้งแต่วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔
               ยกตัวอย่างกรณีของผู้สูงอายุคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขตหนองแขม ที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้

               ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย และไม่มีบัตรประจ าตัวประชาชน ท าให้ไม่สามารถ
               เข้าถึงสิทธิในหลักประกันสุขภาพ อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ และ
                        ิ่
               ที่แก้ไขเพมเติม ก าหนดให้ต้องบันทึกสถานะทางทะเบียนราษฎรของคนทุกคนที่เกิดและอาศัยอยู่บน
               ผืนแผ่นดินไทยเกินกว่า ๖ เดือน กรณีดังกล่าวจึงสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยควรยกระดับกฎหมาย
               โดยไม่ควรปล่อยให้มีบุคคลที่ขาดไร้สิทธิมนุษยชนขั้นพนฐาน ทั้งนี้ หากสามารถหาครอบครัวหรือคนที่
                                                                 ื้
               สามารถยืนยันการเกิดของบุคคลดังกล่าวได้ จะสามารถท าบัตรประจ าตัวประชาชนได้ภายใน ๖ เดือน
               ซึ่งเป็นกระบวนการที่จ าเป็นต้องอาศัยการด าเนินงานเชิงรุกในการส ารวจบุคคลที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร
               แต่หากไม่สามารถหาตัวผู้ที่ยืนยันการเกิดของบุคคลดังกล่าว ยังสามารถด าเนินการตามพระราชบัญญัติ

               การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ก าหนดแนวทางส าหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะบุคคล
               และสัญชาติของเด็กและบุคคลที่ไม่ปรากฏบุพการีหรือบุพการีทอดทิ้ง หรือที่เรียกว่า “คนไร้รากเหง้า”

               เช่นนี้จะสามารถออกบัตรประจ าตัวประชาชนให้แก่บุคคลดังกล่าวได้ภายใน ๑ - ๒ ปี เนื่องจากไม่มี
               หลักฐานว่ามีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐต่างประเทศ  พร้อมทั้งเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการ
   180   181   182   183   184   185   186   187   188   189   190