Page 183 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 183

ส่วนที่ ๓                                                                           หน้า ๑๗๑



                             บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดเมื่อได้ตราออกมาบังคับใช้แล้ว ควรสร้างความรู้ความเข้าใจถึง

               ผลกระทบ ประโยชน์ได้เสีย ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ต้องตามกฎหมายให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนโดยรวม
                           ๗. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ควรยุติการจับกุมหรือหามาตรการอื่นใดบรรเทา

               ต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมในชุมชน พร้อมทั้งเร่งส ารวจตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยาน
               แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
                                                    ิ
                                                            ั
                           ๘. ส านักนายกรัฐมนตรีควรพจารณาพฒนาระเบียบว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓
               ให้เป็นพระราชบัญญัติโฉนดชุมชน พ.ศ. .... ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน
                           ๙. คณะรัฐมนตรีควรเร่งรัดให้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและอนุรักษ์วิถีชีวิต

               กลุ่มชาติพันธุ์ ขึ้นโดยเร็วตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒
                           ในการพจารณาของคณะกรรมาธิการ เห็นว่าประเด็นดังกล่าวมีรายละเอียดและต้องอาศัย
                                   ิ
                                                                                                  ิ
                                                                            ิ
                                                                         ื่
               ผู้ทรงวุฒิ ผู้มีประสบการณ์ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาเพอพจารณาต่อไป โดยการาพจารณาของ
               คณะอนุกรรมาธิการ ได้ศึกษาทางวิชาการจากสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และจารีตประเพณีระหว่าง
               ประเทศที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมือง

                           นอกจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชน หลักว่าด้วยสิทธิ
               มนุษยชน ๔ ฉบับ ของสหประชาชาติ คือ (๑) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม
               และวัฒนธรรม (๒) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (๓) อนุสัญญาว่าด้วย

               การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และ (๔) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก จะมุ่งหมายคุ้มครองสิทธิ
               ของคนทุกคน รวมทั้งชนเผ่าพนเมืองทุกชนเผ่าในโลกแล้ว ยังมีประเพณีระหว่างประเทศในรูปแบบของ
                                           ื้
               ปฏิญญาและสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีสภาพบังคับเป็นกฎหมายที่คุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

               ของชนเผ่าพื้นเมืองเป็นการเฉพาะไว้ด้วย ได้แก่ (๑) ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง
               (United Nations Declaration on the Rights of Indigenous Peoples : UNDRIP) (๒) สนธิสัญญา
               เกี่ยวกับสิทธิในการก าหนดวิถีชีวิตตนเอง วัฒนธรรม และประเพณี (๓) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือก
               ปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of

               Racial Discrimination) หรือ ICERD (๔) อนุสัญญาต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางการศึกษา (Convention
               against Discrimination in Education (UNESCO) ๑๙๖๐) (๕) อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ

                                         ื้
               ฉบับที่ ๑๖๙ ว่าด้วยชนเผ่าพนเมืองและชนเผ่าในประเทศเอกราช (Convention (No. 169) concerning
               Indigenous and Tribal Peoples in Independent Country) (๖) อนุสัญญาเกี่ยวข้องกับสถานะของ
               บุคคลไร้รัฐ (Convention relating to the Status of Stateless Persons) (๗) ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของ

               บุคคลที่ถือเป็นชนส่วนน้อยของชาติหรือชนกลุ่มน้อย ทางภาษา ศาสนา หรือชาติพนธุ์ (Declaration on
                                                                                         ั
               the Rights of Persons Belonging to National or Ethnic, Religious and Linguistic Minorities)

                           คณะกรรมาธิการได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวนี้ โดยได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากร
                                                                      ้
               ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และการไฟฟาส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูล
               และยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ เช่น

                                                                                                      ื่
                                                                                                            ั
                           การเดินทางไปศึกษาดูงาน ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒  ณ จังหวัดตาก เพอรับฟง
               ปัญหาและพบปะตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ จ านวน ๕ ชนเผ่า (ม้ง ปกาเกอะญอ ลีซู เมี่ยน อาข่า) ณ องค์การ
               บริหารส่วนต าบลคีรีราษฎร์ อ าเภอพบพระ จังหวัดตาก ศึกษาดูงานในพื้นที่จริงที่เกิดปัญหาด้านที่อยู่อาศัย
                             ั
                                     ื้
                                                                               ื้
               ของกลุ่มชาติพนธุ์กรณีพนที่อยู่อาศัยที่ดินท ากินทับซ้อนหรืออยู่ในเขตพนที่อนุรักษ์ ณ บ้านแม่กลองน้อย
   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188