Page 66 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 66
หน้า ๕๔ ส่วนที่ ๓
ส่านักงานศาลยุติธรรม
ผู้แทนจากส านักงานศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการว่า กรณีพระราชบัญญัติ
ิ่
ิ
ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพมเติม
ิ่
มาตรา ๖๙/๑ ขัดกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญาและที่แก้ไขเพมเติม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๔
หรือไม่ นั้น เห็นว่าไม่ขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากการออกหมายเรียกมิได้หมายความว่า
เด็กได้รับโทษ แต่เป็นเพยงการเรียกเด็ก บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลหรือผู้แทนองค์การซึ่งเด็กนั้น
ี
อาศัยอยู่ด้วย มาว่ากล่าวตักเตือน แต่ถ้าเป็นกรณีเป็นความผิดที่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานอื่นไม่มี
อ านาจเปรียบเทียบได้ ให้พนักงานสอบสวนส่งตัวบุคคลนั้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองเด็กเพอด าเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ส าหรับการสอบสวนให้ต ารวจ
ื่
ด าเนินการต่อไปได้ แต่เมื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการแล้ว ถ้าผู้กระท าความผิดเป็นเด็กอายุต่ ากว่า ๑๒ ปี
ให้พนักงานอัยการมีค าสั่งยุติการด าเนินคดี ทั้งนี้ ห้ามมิให้ผู้เสียหายฟองบุคคลซึ่งมีอายุไม่เกินกว่าอายุ
้
ที่ก าหนดไว้ตามมาตรา ๗๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีอาญาต่อศาลใด ตามมาตรา ๖๙/๑ วรรคท้าย
ท าให้ศาลเยาวชนและครอบครัวไม่มีอ านาจพิจารณาคดีในกรณีเด็กอายุต่ ากว่า ๑๒ ปีเป็นผู้กระท าความผิด
จึงเห็นได้ว่ามาตรการและกลไกของมาตรา ๖๙/๑ สอดรับกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญา
และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
นางทิชา ณ นคร ผู้อ านวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก
ิ่
ได้ให้ข้อมูลเพมเติมต่อคณะกรรมาธิการว่า การยึดประโยชน์สูงสุดต้องเป็นของเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วย
สิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child - CRC ) เด็กที่มีอายุต่ ากว่า ๑๒ ปี ไม่ควรเข้าสู่กระบวนการ
ยุติธรรมเพราะจะเป็นบาดแผลของเด็ก โดยสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระท าความผิดของเด็กเกิดจากครอบครัว
ั
และชุมชน จึงขอเสนอแนะว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ยุติธรรมจังหวัด รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรจัดตั้งคณะท างานร่วมกันถอดบทเรียนจากเหตุการณ์
ื่
ดังกล่าวโดยการหาแนวทางหรือกระบวนการที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายเพอให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่เด็ก รวมไปถึงเสริมสร้างให้เกิดความเข้าใจในระดับชุมชนเพื่อให้เห็นถึงสาเหตุในการปกป้องเด็กเพราะว่า
เด็กเป็นต้นทุนของประเทศ
การพิจารณาของคณะกรรมาธิการมีข้อคิดเห็นและข้อสังเกต ต่อหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้
๑. กระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมพนิจและคุ้มครองเด็ก
ั
ิ
และเยาวชน ควรมีการจัดเก็บข้อมูลจ านวนเด็กที่ต้องหาว่ากระท าความผิดอาญา แต่อายุไม่ถึงเกณฑ
์
ต้องรับโทษทางอาญา ภายหลังการประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๖๕ ด้วย
๒. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการด าเนินการ
ิ่
เรื่องดังกล่าวหลังการประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๙)
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไม่ว่าจะเป็นบันทึกความเข้าใจ (MOU) แนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
ื่
๓. ควรพจารณาก าหนดหน่วยงานเจ้าภาพเพอจัดตั้งคณะท างานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
ิ
ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพอถอดบทเรียนหรือหาแนวทางการด าเนินการคุ้มครองเด็กที่ถูกกล่าวหาว่ากระท าความผิด
ื่
ั
ทางอาญา แต่อายุไม่ถึงเกณฑต้องรับโทษทางอาญา โดยผู้แทนจากกระทรวงการพฒนาสังคมและความมั่นคง
์
ของมนุษย์ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับเป็นหน่วยงานเจ้าภาพ
เพื่อจัดตั้งคณะท างานเพอถอดบทเรียนหรือหาแนวทางดังกล่าว ทั้งนี้ ด าเนินการแล้วได้ผลเป็นประการใด
ื่
จะได้แจ้งให้คณะกรรมาธิการทราบด้วย