Page 61 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 61

ส่วนที่ ๓                                                                            หน้า ๔๙



                            พิจารณาการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย “สวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย”


                           คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลาย

                         ิ
               ทางเพศ พจารณาข้อเสนอของนางสุดใจ  พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
               ส านักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เรื่อง ขอความสนับสนุนการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย

                                   ื่
               “สวัสดิการหนังสือเพอเด็กปฐมวัย” และได้ขอยื่น “ข้อเสนอเชิงนโยบายเพอสานพลังขับเคลื่อนให้เกิด
                                                                                    ื่
               นโยบายสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย” เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้บรรลุผล น าไปสู่การพัฒนาเด็กปฐมวัย
               ในสถานการณ์วิกฤติขณะนี้ สรุปสาระส าคัญได้ ดังนี้

                           เนื่องจากภาวะการเรียนรู้ถดถอย หรือ Learning Loss ที่เกิดขึ้นในเด็กปฐมวัยโดยเฉพาะ
               เด็กแรกเกิด - ๖ ปี ท าให้เด็กตกอยู่ในภาวะยากล าบากเป็นอย่างมาก องค์การยูนิเซฟ และองค์การอนามัยโลก

               ได้มีรายงานว่า เด็กไทยและเด็กทั่วโลกโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กมีภาวะการเรียนรู้ถดถอย รวมทั้งมีภาวะ
               ถดถอยทางด้านสังคมและด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย และพบว่าการให้ความส าคัญกับการอ่านจะช่วยพฒนา
                                                                                                        ั
                                                   ั
                                                                                         ู
                                                                                      ื้
               สมองส่วนหน้าของเด็ก ส่งผลให้สามารถพฒนาเด็กได้อย่างเต็มศักยภาพ และช่วยฟนฟภาวะการเรียนรู้ถดถอย
               ได้เป็นอย่างมาก
                           งานวิจัย เรื่อง ผลกระทบของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอในเด็กปฐมวัย ระบุว่า การเสพสื่อผ่านจอ

                                                                                        ั
               มีผลกระทบต่อพฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กอย่างมาก สอดคล้องกับผลส ารวจพฒนาการของเด็กปฐมวัย
                              ั
               อายุ ๐ – ๖ ปี พบว่า เด็กมีพัฒนาการล่าช้าร้อยละ ๓๒.๕ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มีพัฒนาการ
                                                                                        ี
               สมวัยอยู่ที่ร้อยละ ๕๐ - ๖๐ เด็กอายุน้อยกว่า ๒ ปี ถูกเลี้ยงดูด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพยงอย่างเดียวร้อยละ ๘๐
               ส่งผลให้มีพัฒนาการล่าช้าด้านภาษา ขณะที่บิดามารดาที่อ่านหนังสือให้เด็กฟังอย่างมีคุณภาพมีเพียงร้อยละ ๒๐
               ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดท าคู่มือแนะน าการใช้เวลาหน้าจอของเด็ก ระบุว่า เด็กในช่วงอายุ

               ๑ - ๒ ปี ไม่ควรใช้เวลาอยู่หน้าจอเลย ส่วนเด็กอายุ ๓ - ๔ ปี ไม่ควรใช้เวลาอยู่หน้าจอเกิน ๑ ชั่วโมงต่อวัน
               และต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
                           การอ่านนอกจากจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกแล้วยังช่วยพัฒนาสมองของเด็ก

               ๑ - ๕ ปีแรก ท าให้เด็กจะมีการจดจ่อที่ดี มีความจ าขณะท างานที่ดี มีวงจรประสาทที่พร้อมที่จะเรียนรู้
               ทางด้านภาษาต่อไป นอกจากนี้ การส่งเสริมให้เด็กอ่านหนังสือต้องด าเนินการตั้งแต่สามขวบปีแรก

               เนื่องจากเป็นช่วงที่มนุษย์จะพัฒนาขีดความสามารถด้านภาษาได้สูงสุด รวมถึงการบ่มเพาะพฤติกรรมด้าน
               อื่น ๆ การให้เด็กเข้าสู่สื่อจอเร็วจะท าให้เด็กขาดความยับยั้งชั่งใจ แต่การใช้สื่อที่มีปฏิสัมพนธ์อย่างเช่น
                                                                                                 ั
               หนังสือที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย ไม่ใช่เพียงท าให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่จะช่วยบ่มเพาะ

               คุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้แก่เด็กได้ในทุกเรื่อง
                           แนวทางแก้ไขภาวะการเรียนรู้ถดถอยในช่วงสามขวบปีแรก คือ การสร้างเสริมพัฒนาการด้าน

                                                                                            ื่
               ความรัก ตลอดจนพัฒนาการด้านอื่นที่ขาดหายไปในช่วงสามขวบปีแรกเข้ามาทดแทนเพอสร้างกระบวนการ
               เรียนรู้ จากการท างานของผู้ยื่นหนังสือพบว่า การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง จะท าให้เด็กสามารถอ่านออกเขียน
               ได้ภายในระยะเวลา ๑ - ๒ ปี ซึ่งสามารถแก้วิกฤตเด็กที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของเด็กช่วงประถมตอนต้น

               และท าให้เด็กไม่ต้องออกจากระบบการศึกษากลางคัน ดังนั้น การท าให้เด็กปฐมวัยมีหนังสืออ่านอย่างน้อย
               ๓ เล่ม จะเป็นการวางรากฐานการอ่านที่ยั่งยืน และท าให้เด็กมีการเรียนรู้และพัฒนาการที่ดีขึ้นเมื่อเติบโต
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66