Page 42 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 42
เหตุผลประกอบอื่นอีกเล็กน้อยว่า เหตุใดจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่มีทุนทรัพย์ เทคนิคนี้อีกประการหนึ่งคือ การตั้งค าถามกับตัวเอง เริ่มจาก เราไม่
เช่น “คดีนี้ถือเป็นคดีที่มีค าขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจค านวณเป็นราคาเป็นเงิน ต้องถามก็คงรู้ค าตอบในตัวเองอยู่แล้วว่า สิ่งที่เราอยากได้จากการสอบ คงหนีไม่
ได้หรือคดีมีทุนทรัพย์เพราะเป็นการโต้แย้งกรรมสิทธิ์กันระหว่างโจทก์และ พ้น "อยากสอบผ่าน" เท่านั้น จึงเกิดค าถามต่อไปว่าถ้าอยากให้ผู้ตรวจให้
จ าเลย” เป็นต้น คะแนนเราสอบผ่านจะต้องเขียนตอบอย่างไร ส าหรับผม "ค าตอบง่ายๆ" ก็คือ
๒. ต่อมาแม้จะได้วินิจฉัยตอบครบถ้วนตามประเด็นหลักๆ ของค าถาม ถามกลับตนเองว่า "ถ้าผมจะต้องเป็นคนให้คะแนนเอง ผู้ที่เขียนให้ผมตรวจควร
แล้ว ผมมักจะเขียนตอบเกินเลยไปอีกสักหน่อย ในส่วนที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง อันคิด ต้องเขียนตอบให้ได้อย่างไร" เท่านั้นแหละครับผม ค าตอบของความต้องการอย่าง
ว่าน่าจะช่วยให้ได้คะแนนเสริมขึ้น อันจะเป็นหลักจิตวิทยาท าให้ผู้ตรวจเริ่ม รู้ของผมก็พลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย สิ่งที่ผมคิดได้ว่าจะใช้ในการเขียนตอบ
ระมัดระวังในการตรวจค าตอบของเราเพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อยว่าผู้ตอบท่านนี้เขียน มีมากมายหลายประการยิ่ง ยกตัวอย่างได้เช่น ผมจะต้องจินตนาการไว้ก่อนว่า
มีภูมิหลักกฎหมายและเหตุผลหลายด้าน ไม่ควรตรวจแบบผ่านๆ ไปโดยเร็วเสีย ผู้ตรวจมีความรู้กฎหมายเท่ากับผม แล้วจะเขียนอย่างไรให้ผู้ตรวจอ่านแล้ว
แล้ว เช่น แม้โจทย์จะถามแต่เพียงว่าการพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ สามารถเข้าใจความประสงค์ที่แท้จริงของผมให้ได้ ชัดแจ้งจนหายสงสัย ต้อง
เท่านั้น เมื่อเราให้เหตุผลของการตอบในประเด็นส าคัญนั้นจนได้ค าตอบแล้วว่า ปะติดปะต่อเรื่องให้น่าอ่านน่าติดตาม สอดคล้องเป็นท านองเดียวกัน และ
เช่น ค าพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผมก็มักจะเสริมต่อไปว่า สละสลวยด้วย ทั้งนี้ เท่าที่เวลามีจ ากัด ซึ่งเท่านี้ผมคิดว่าเพียงเท่านี้ผู้ตรวจคงไม่
“ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของ จับกระดาษค าตอบของเราโยนไปได้ง่ายๆ แล้วครับ
ประชาชน อันเป็นปัญหาส าคัญศาลสามารถเห็นเองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเอง เทคนิควิธีการช่วยจ าแบบฉบับคิดเอง
ได้” เป็นต้น น่าเชื่อว่าการตอบของเราจะดูดีขึ้นมาทันทีเลยครับ
ผมมักจะหัดใช้มาตลอดตั้งแต่เรียนปริญญาตรี คือ การจดจ าถ้อยค า การ
"เทคนิคด้านจิตวิทยา" เปรียบเทียบความแตกต่างของเรื่องสองเรื่อง หรือสามเรื่องขึ้นไปที่มักออก
ผมมักจะน าเทคนิคด้านนี้มาใช้แก้ปัญหาในห้องสอบเสมอ แม้ความจริง ข้อสอบด้วยกัน เช่น ข้อสอบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ผมได้ไปเจอข้อสอบ
แล้วผมอ่านโจทย์แล้วจะไม่รู้ธงค าตอบเลยก็ตาม แต่จะใช้วิธีวางหลักกฎหมายวาง ข้อหนึ่งที่ออกเรื่อง พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ กับ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ ในข้อ
เหตุผลของเรื่องที่โจทย์ข้อนั้นถามอยู่ พยายามนึกให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะท า เดียวกัน เมื่อดูธงค าตอบ ก็พบว่า สิทธิบัตร จะใช้ค าว่า “การขอรับสิทธิบัตร”
ได้ แล้วสุดท้ายสรุปฟันธงตอบให้เป็นไปทิศทางใดทิศทางนั้น ไม่ตอบสองแง่ เครื่องหมายการค้า จะใช้ค าว่า “การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า” เป็นต้น
สองง่ามอย่างลังเล หรือท าตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง เช่น