Page 46 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 46

ในขณะยื่นฟ้องคดีหลัง คดีที่ด าเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นยังไม่มีค าพิพากษาหรือค าสั่ง  ชาดว่า โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นจ าเลยในคดีดังกล่าว ยอมท าบันทึกข้อตกลงกับ อ.

               วินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว อันจะต้องห้ามตามมาตรา      และจ าเลยที่ ๕ เพื่อเป็นไปตามค าประสงค์เดิมของบรรดาญาติพี่น้อง หาใช่
               ๑๔๔ ค าสั่งรับฟ้องคดีที่แดงเป็นโจทก์ฟ้องด าจึงชอบด้วยกฎหมาย               เพราะถูกข่มขู่ให้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงไม่ บันทึกข้อตกลงจึงมีผลสมบูรณ์

                                                                                         ตามกฎหมาย โจทก์ทั้งสามไม่มีสิทธิบอกล้าง เมื่อ (๑) ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดี
                       แต่ต่อมา เมื่อคดีที่ด าเป็นโจทก์ฟ้องแดงมีค าพิพากษาแล้ว ซึ่งประเด็นที่
                                                                                         แพ่งของศาลชั้นต้น มีประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกัน (๒)
               ศาลจังหวัดรัตนบุรีจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดทั้งสองคดีเป็นเรื่องเดียวกัน และเป็น
               คู่ความเดียวกัน อาจสลับฝ่ายฟ้องกันก็ได้ แม้ขณะแดงยื่นฟ้องจะไม่ต้องห้ามตาม  คู่ความในคดีดังกล่าวกับคู่ความในคดีเป็นคู่ความรายเดียวกัน และ (๓) ศาล

               กฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อต่อมาคดีก่อนมีค าพิพากษาอันเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดี  ชั้นต้นในคดีดังกล่าวมีค าพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการ
               ของศาลแล้ว คดีที่แดงเป็นโจทก์ฟ้องด าย่อมไม่อาจด าเนินกระบวนพิจารณาใดๆ     ด าเนินกระบวนพิจารณาซ้ า ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๔ ประกอบกับ
                                                                                         ความปรากฏต่อศาลฎีกาว่า คดีแพ่งของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว โดยศาลฎีกาไม่รับ
               ต่อไปได้อีก เพราะจะถือเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาซ้ ากับคดีเดิม ซึ่งการ

               สืบพยานเป็นกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่ง ตามมาตรา ๑ (๗) ค าสั่งงดสืบพยาน        คดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง
               และค าพิพากษาของศาลจังหวัดรัตนบุรีจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตามมาตรา           โดยศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืนตามค าพิพากษาศาลชั้นต้น

               ๑๔๔                                                                       ชอบแล้ว โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีอ านาจฟ้อง ค าสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นชอบ
                                                                                         แล้ว./

                       แนวค าพิพากษาที่เกี่ยวข้อง: ฎ.๔๔๑ - ๔๔๒/๒๕๕๙ โจทก์ทั้งสามท า             สังเกต การตอบจะอ้างชื่อกฎหมายเพียงครั้งเดียว ดังที่ผมเล่าไว้แล้ว
               บันทึกข้อตกลงกับ อ. และจ าเลยที่ ๕ แบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๑๔๔

               ให้มีกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละส่วนเท่ากัน ต่อมาโจทก์ทั้งสามปฏิบัติผิดข้อตกลง อ.   ข้างต้น (เทคนิคนี้ผมได้ยินมาแต่นมนาน ตั้งแต่ใช้สมัยสอบเนติบัณฑิต จ า
               กับจ าเลยที่ ๕ จึงฟ้องโจทก์ทั้งสามเป็นจ าเลยให้ช าระเงินพร้อมดอกเบี้ย โจทก์ทั้ง  แหล่งที่มาไม่ได้แล้วนะครับ) และหลักการเขียนตอบกฎหมาย ป.วิ.พ. เกี่ยวกับ

               สามยื่นค าให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง โดยอ้างเหตุท านองเดียวกับที่โจทก์ทั้ง  ฟ้องซ้ า ฟ้องซ้อน ด าเนินกระบวนพิจารณาซ้ า ผมมักจะเขียนวินิจฉัยไปทีละขึ้น

               สามฟ้องจ าเลยทั้งห้าในคดีนี้ว่าโจทก์ทั้งสามท าบันทึกข้อตกลงเพราะถูกข่มขู่   ตอนเริ่มจากเข้าฟ้องซ้ าหรือไม่ หากไม่เข้าฟ้องซ้ าเป็นฟ้องซ้อนหรือไม่ และหากไม่
                                                                                         เป็นทั้งสองสุดท้ายจะเป็นด าเนินกระบวนพิจารณาซ้ าหรือไม่นั่นเอง
               ต่อมาศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ทั้งสามถูกฟ้องเป็นจ าเลย ได้มีค าพิพากษาให้โจทก์

               ทั้งสามซึ่งเป็นจ าเลยในคดีดังกล่าวเป็นฝ่ายแพ้คดี โดยศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้  ถาม: คดีเรื่องหนึ่ง นายแดงจดทะเบียนสมรสกับนางขาว ไปตั้งรกรากอยู่ที่
                                                                                         อ าเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ท ามาหาได้ร่วมกันจนซื้อที่ดินได้แปลงหนึ่ง
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51