Page 135 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 135
127
ี
ื
มำตรำ ๕๐ เม่ออัยกำรทหำรเห็นว่ำเป็นคดีท่ไม่อยู่ในอ�ำนำจศำลทหำร ให้ส่งส�ำนวนกำรสอบสวนให้
พนักงำนอัยกำรเพ่อพิจำรณำด�ำเนินคดีน้นตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ ในกรณีเช่นน ้ ี
ื
ั
พนักงำนอัยกำรจะส่งส�ำนวนกำรสอบสวนกลับคืนไปยังอัยกำรทหำรเพื่อให้ด�ำเนินคดีนั้นมิได้
มำตรำ ๕1 เม่ออัยกำรทหำรร้องขอศำลทหำรมีอ�ำนำจพิพำกษำให้จ�ำเลยคืนทรัพย์ ใช้รำคำทรัพย์
ื
หรือใช้ค่ำสินไหมทดแทนควำมเสียหำยให้แก่รัฐบำลได้ในกรณีที่จ�ำเลยกระท�ำผิด
ั
ั
มำตรำ ๕๒ ถ้ำโจทก์ร้องขอให้ยึดทรัพย์จ�ำเลย ให้ผู้มีอ�ำนำจแต่งต้งตุลำกำรส่งคดีน้นไปยังศำลพลเรือน
ั
ั
ั
ิ
ี
ในท้องถ่นท่ทรัพย์น้นต้งอยู่ และให้ศำลพลเรือนส่งจัดกำรยึดทรัพย์ในคดีน้นต่อไปตำมกฎหมำยโดยไม่ต้อง
ั
ั
ั
ี
่
ึ
ฟ้องอีกส�ำนวนหนง ส่วนหน้ำท่อยกำรทหำรให้มอบให้พนักงำนอยกำรจดกำรว่ำควำมในศำลพลเรือนช้น
ั
ั
ยึดทรัพย์ต่อไปจนกว่ำจะถึงที่สุด
มำตรำ ๕๓ ผู้เสียหำยจะร้องขอให้จ�ำเลยคืนทรัพย์ ใช้รำคำทรัพย์ หรือใช้ค่ำสินไหมทดแทน
ควำมเสียหำยในศำลทหำรไม่ได้
มำตรำ ๕๔ ในกำรพิพำกษำคดีแพ่ง ศำลพลเรือนจ�ำต้องถือข้อเท็จจริงตำมที่ปรำกฏในค�ำพิพำกษำ
คดีอำญำของศำลทหำร
ลักษณะ ๕
กำรพิจำรณำ
________________
๑๗
มำตรำ ๕๕ ศำลทหำรในเวลำปกติ ให้ผู้เสียหำยซึ่งมีอ�ำนำจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอำญำได้ตำมมำตรำ
๔9 วรรคหนึ่ง
ศำลทหำรในเวลำปกติและศำลทหำรในเวลำไม่ปกติ ให้จ�ำเลยแต่งทนำยได้
ี
ทนำยต้องเป็นทนำยควำมตำมกฎหมำยว่ำด้วยทนำยควำมหรือทนำยควำมท่กระทรวงกลำโหม
ก�ำหนด เมื่อทนำยได้รับอนุญำตจำกศำลแล้ว ให้ว่ำต่ำงหรือแก้ต่ำงได้
ี
ศำลอำญำศึกหรือศำลท่พิจำรณำพิพำกษำคดีแทนศำลอำญำศึกตำมมำตรำ ๔0 และมำตรำ ๔๓
ห้ำมแต่งทนำย
๑๘
มำตรำ ๕6 ภำยใต้บังคับมำตรำ ๕๕
ิ
ี
(๑) ในคดีท่มีอัตรำโทษประหำรชีวิต ก่อนเร่มพิจำรณำให้ศำลถำมจ�ำเลยว่ำมีทนำยหรือไม่ ถ้ำไม่ม ี
ก็ให้ศำลตั้งทนำยให้
(๒) ในคดีท่มีอัตรำโทษจ�ำคุก ก่อนเร่มพิจำรณำให้ศำลถำมจ�ำเลยว่ำมีทนำยหรือไม่ ถ้ำไม่มีและจ�ำเลย
ี
ิ
ต้องกำรก็ให้ศำลตั้งทนำยให้
๑๗ มำตรำ ๕๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๒0
๑๘ มำตรำ ๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติธรรมนูญศำลทหำร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘