Page 94 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 94

86





                (๓) คู่กรณีฝ่ำยหนึ่งฝ่ำยใดไม่ประสงค์ให้มีกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทต่อไป
                                                                     ิ
                                             ั
                (๔) องค์คณะพิจำรณำพิพำกษำมีค�ำส่งให้กำรไกล่เกล่ยข้อพิพำทน้นส้นสุดลงเมื่อตุลำกำรศำลปกครอง
                                                         ี
                                                                   ั
                  ี
                                                       ั
           ผู้ไกล่เกล่ยข้อพิพำทเห็นว่ำกำรไกล่เกล่ยข้อพิพำทต่อไปน้นไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ไม่อำจส�ำเร็จได้ เป็นกำร
                                         ี
           ประวิงคดี เป็นกำรฝ่ำฝืน หรือเป็นกำรขัดหรือแย้งต่อหลักกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท
                             ๘๕
                มำตรำ 66/1๐  ในกรณีที่กำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทในคดีปกครองส�ำเร็จและท�ำให้ประเด็นแห่งคดี
           เสร็จสิ้นไปทั้งหมด ให้ศำลปกครองมีค�ำพิพำกษำไปตำมนั้น หำกกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทท�ำให้คดีเสร็จสิ้นไป
                                                                                  ั
           บำงส่วน ให้ศำลจดรำยงำนแสดงข้อควำมแห่งข้อตกลงในกำรไกล่เกล่ยข้อพิพำทเหล่ำน้นไว้แล้วให้ศำล
                                                                   ี
           พิจำรณำประเด็นข้อพิพำทที่ตกลงกันไม่ได้ต่อไปและน�ำมำรวมพิพำกษำกับข้อพิพำทท่ตกลงกันได้ไปใน
                                                                                ี
           ครำวเดียวกัน
                              ๘๖
                มำตรำ 66/11  ห้ำมมิให้อุทธรณ์ค�ำพิพำกษำของศำลปกครองช้นต้นซ่งพิพำกษำตำมกำร
                                                                         ั
                                                                              ึ
                                             ิ
                                        ี
           ไกล่เกล่ยข้อพิพำทในประเด็นแห่งคดีท่เสร็จส้นไปไม่ว่ำท้งหมดหรือบำงส่วนตำมมำตรำ ๖๖/๑0 เว้นแต่ในเหต  ุ
                                                      ั
                 ี
           ดังต่อไปนี้
                (๑) เมื่อมีข้อกล่ำวอ้ำงว่ำคู่กรณีฝ่ำยใดฝ่ำยหนึ่งฉ้อฉล
                                  ั
                                                                                        ี
                (๒) เม่อค�ำพิพำกษำน้นถูกกล่ำวอ้ำงว่ำเป็นกำรละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมำยอันเก่ยวด้วย
                      ื
           ควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชน
                (๓) เมื่อค�ำพิพำกษำนั้นถูกกล่ำวอ้ำงว่ำมิได้เป็นไปตำมข้อตกลงในกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท
                กำรอุทธรณ์ค�ำพิพำกษำของกำรไกล่เกล่ยข้อพิพำท ให้ย่นต่อศำลท่มีค�ำพิพำกษำภำยในก�ำหนด
                                                 ี
                                                                       ี
                                                              ื
           สำมสิบวันนับแต่วันที่ได้มีค�ำพิพำกษำ
                              ๘๗
                มำตรำ 66/1๒  ระเบียบของท่ประชุมใหญ่ตุลำกำรในศำลปกครองสูงสุดท่ออกตำมควำม
                                                                                  ี
                                             ี
           ในส่วนนี้ให้ด�ำเนินกำรตำมมำตรำ ๖ ด้วย
                                                 ส่วนที่ ๓
                                      ค�ำพิพำกษำหรือค�ำสั่งคดีปกครอง





                มำตรำ 6๗ กำรท�ำค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งของศำลปกครอง ถ้ำจะต้องกระท�ำโดยตุลำกำรศำลปกครอง
                                               ั
                                    ั
                                      ั
                                                                                       ี
           หลำยคน ค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งน้นจะต้องบังคับตำมควำมเห็นของฝ่ำยข้ำงมำกและในกรณีท่ตุลำกำร
           ในศำลปกครองผู้ใดมีควำมเห็นแย้งให้ท�ำควำมเห็นแย้งไว้ในค�ำพิพำกษำหรือค�ำสั่งนั้น





                ๘๕  มำตรำ ๖๖/๑0 เพ่มโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง (ฉบับท่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
                                                                                  ี
                                ิ
                                                 ั
                ๘๖  มำตรำ ๖๖/๑๑ เพ่มโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง (ฉบับท่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
                                                                                  ี
                                ิ
                                                 ั
                ๘๗  มำตรำ ๖๖/๑๒ เพ่มโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง (ฉบับท่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
                                                                                  ี
                                                 ั
                                ิ
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99