Page 5 - ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
P. 5
บทบัญญัติ
ขอ ๓ ในการนั่งพิจารณาคดี ผูพิพากษาจักตองวางตนเปนกลางและปราศจากอคติ
ทั้งพึงสํารวมตนใหเหมาะสมกับตําแหนงหนาที่ แตงกายเรียบรอย ใชวาจาสุภาพ ฟงความ
จากคูความและผูเกี่ยวของทุกฝายอยางตั้งใจ ใหความเสมอภาค และมีเมตตาธรรม
คําอธิบาย
(๑) วางตนเปนกลาง : ผูพิพากษาจักตองแสดงออกซึ่งความเปนกลางในการ
พิจารณาคดี ไมเขาขางฝายใดฝายหนึ่ง ปฏิบัติตอคูความและผูเกี่ยวของทุกฝายเสมอเหมือนกัน
ทุกประการ จักตองมิใหคูความหรือผูเกี่ยวของรูสึกวาตนไดรับการปฏิบัติที่ดอยกวาผูอื่น
ในเรื่องการวางตัวเปนกลางของผูพิพากษานี้ มีปญหาซึ่งเกิดขึ้นเสมอในอีกแงหนึ่ง
คือ ผูพิพากษาเองบางครั้งตัดสินใจไวลวงหนาแลววาจะใหฝายใดชนะคดี และระงับความรูสึกอันแทจริง
ของตนไวไมได เขาเปนฝกเปนฝายโตเถียงแทนคูความฝายที่ตนจะใหชนะนั้นเสมือนหนึ่งตนเปนทนายความ
ของคูความฝายนั้นเสียเอง หรือในคดีอาญาผูพิพากษาบางคนลั่นวาจาคาดโทษจําเลยไวลวงหนาวา
ถาปรากฏวาทําผิดจริง จะลงโทษจําเลยใหหนัก เชนนี้ยอมทําไมได เพราะผูพิพากษามิไดอยูในฐานะ
ที่จะพิจารณาโทษอยางบิดามารดาปกครองบุตร หรือครูปกครองนักเรียน แตผูพิพากษาอยูในฐานะคนกลาง
ถาปฏิบัติตนดังกลาวคูความอีกฝายหนึ่งจะรูสึกทันทีวาตนไมไดรับความยุติธรรมเสียแลว เพราะ
ผูพิพากษาลําเอียง ทําใหตนเสียเปรียบในเชิงคดีตั้งแตเริ่มคดี
(๒) ปราศจากอคติ : อุปสรรคสําคัญประการหนึ่งซึ่งทําใหการวินิจฉัยอรรถคดี
ปราศจากความเที่ยงธรรมก็คือ อคติสี่ กลาวคือ ฉันทาคติ ลําเอียงเพราะรัก โทสาคติ ลําเอียง
เพราะโกรธ ภยาคติ ลําเอียงเพราะกลัว และโมหาคติ ลําเอียงเพราะเขลา เรื่องของอคติเปนเรื่อง
ของมนุษยปุถุชนโดยแท นอยคนนักที่จะไมมีอคติ คําถวายสัตยปฏิญาณของผูพิพากษาตอองค
พระมหากษัตริยก็มีเรื่องที่ผูพิพากษาจักตองปราศจากอคตินี้อยูดวย แตในทางปฏิบัติเรื่องนี้
มิใชเรื่องงาย โดยเฉพาะการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีนั้น มิใชเรื่องตรงไปตรงมาธรรมดา ๆ
อยางเรื่องสองบวกสองเปนสี่ หรือเรื่องที่เห็นดําเห็นแดงกันงาย ๆ ซ้ําบางเรื่องก็สลับซับซอน ดําก็ไมใช
แดงก็ไมเชิง อคติที่วานี้โดยเฉพาะในหมูผูพิพากษามิใชมีอคติเพียงตอตัวบุคคลซึ่งเปนคูความ
ทนายความ หรือพยานเทานั้น หากแตยังมีอคติตอขอคิดเห็น ทีทา ความเชื่อ และประเพณีบางเรื่อง
หรือตอความผิดประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะอีกดวย เปนตนวาอาจตั้งขอรังเกียจความผิด
ทางเพศและการทุจริตตอหนาที่ราชการมากกวาความผิดฐานอื่น ซึ่งแตละเรื่องเหลานี้ ลวนเปนเรื่อง
ล้ําลึกมากกวาอคติตอตัวบุคคลมากนัก และที่มีอันตรายมากก็คือ ผูพิพากษาบางคนอาจไมรูตัวดวยซ้ํา
ไปวาตนเองมีอคติในเรื่องนั้น เรื่องนี้จึงเปนหนาที่ของผูพิพากษาทุกคนที่จะตองเฝาคอยสอดสอง
และทดสอบตนเองอยูตลอดเวลาวามีอคติอันใด กับผูใด หรือเรื่องใดหรือไม ทางปองกันอคติในการ
วินิจฉัยอรรถคดีที่ดีทางหนึ่งก็คือ ตองมีอุเบกขา ตองทําใจเปนกลางจริง ๆ ไมพึงดวนตัดสินใจวา
ใครถูกใครผิด กอนที่จะไดฟงความครบถวนกระบวนการจากทุกฝายและไดใครครวญอยางถวนถี่แลว
ซึ่งเรื่องนี้เปนเรื่องธรรมดาแท ๆ แตเมื่อผูใดมีอคติเขา ผูนั้นก็มองขามหลักเบื้องตนของการวินิจฉัย
อรรถคดีไปเสียงาย ๆ