Page 36 - สรุปวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่-2
P. 36
่
็
1. หลังจากแจ้งให้ผู้ปวยทราบ ดูดเสมหะในช่องปากและในท่อทางเดินหายใจเสร็จแล้ว 2. ปรับ mode ventilator ให้เปน assist
control mode
่
3. ก่อนดูดลมออกจาก cuff ให้บันทึก ปริมาตรอากาศทีเข้าสู่ปอด (Vti) กับปริมาตรอากาศทีออกจากปอด (Vte) ซึ่งปกติควรจะ
่
่
มีค่าทีเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน 4. ใช้ syringe 10 CC. ดูดลมออกจาก cuff ให้หมด
่
่
่
่
่
่
5. ให้ ventilator ช่วยหายใจขณะทีไม่มีลมอยูใน cuff ประมาณ 6 ครั้ง (เพือให้ค่าทีอ่านจากเครื่องนิงดี) หลังจากนั้นให้เริม
่
บันทึกค่า Vte ประมาณ 5-10 ครั้ง 6. น าค่า Vte ทีได้ต าสุด 3 ค่าสุดท้าย ( ?+?+?) มาหาค่าเฉลี่ย หรือหารด้วย 3
่
7. เอาค่า Vti ทีบันทึกไว้ตอนแรก ลบด้วยค่าเฉลี่ย Vte ทีได้
่
่
่
คา cuff leak volume = Vti-Vte
ถ้าผู้ปวยมีค่า cuff leak volume หรือ ปริมาตรอากาศรัวออกจากทางเดินหายใจผู้ปวย ถ้ามากกว่า 110 CC. แสดงว่าผู้ปวย
่
่
่
่
่
ไม่เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นจาก laryngeal edema (ท่อหลอดลมคอบวม) จนท าให้ผู้ปวยต้องใส่ท่อช่วยหายใจใหม่
การพยาบาลระยะหยาเคร่องช่วยหายใจ ( wean )
่
ื
1.พูดคุยให้ก าลังใจ ให้ความมันใจ 2. จัดท่านอนศีรษะสูง 30- 60 องศา
่
3. ดูดเสมหะให้ทางเดินหายใจโล่ง หรืออาจพ่นยาขยายหลอดลมตามแผนการรักษา 4. สังเกตอาการเหงือแตก ซึม
่
กระสับกระส่าย 5. วัดสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที – 1 ชม monitor หรือวัดความดันโลหิต อยู่ในช่วง 90/60 - 180/110 mmHg
HR 50-120 ครั้ง/นาที ไม่มีภาวะหัวใจเต้นผดจังหวะ (no arrhythmia) RR < 35 ครั้ง/นาที หายใจไม่เหนือย O2 sat (SPO2)
ิ
่
≥ 90%
่
ุ
ข้อบ่งชี้ที่ต้องยติการหยาเคร่องช่วยหายใจ
ื
ู
1.ระดับความร้สึกตัวลดลงหรือเปลี่ยนแปลง เช่น เหงือออก ซึม สับสน กระสับกระส่าย
่
2. อัตราการหายใจ RR >35 ครั้ง/ นาที และใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ หายใจเหนอย หายใจล าบาก
ื
่
3. ความดันโลหิต ค่า diastolic เพิ่มหรือลดจากเดิม > 20 mmHg
4. HR เพิ่มหรือลดจากเดิม > 20 ครั้ง/ นาที หรือ > 120 ครั้ง/ นาที หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
5. มีการเปลี่ยนแปลง tidal volume < 200 ml.