Page 38 - สรุปวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่-2
P. 38
ื
่
หายใจเหนอย มีเสียงหายใจดัง (stridor) ต้องรายงานแพทย์ ซึ่งอาจมีการรักษาให้ยา adrenaline พ่นขยายหลอดลม ถ้าไม่ดีขึ้น
แพทย์จะพิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจใหม่
้
ื
่
การพยาบาลผูปวยที่คาท่อช่วยหายใจและใช้เคร่องช่วยหายใจ
1. การพยาบาลขณะคาท่อช่วยหายใจ
ื่
1. 1 ตรวจวัดสัญญาณชีพ ติดตามคลนไฟฟ้าหัวใจ และค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน (oxygen saturation) ควร
่
ตรวจวัดสัญญาณชีพและบันทึกทุก 1-2 ชัวโมง หรือขึ้นกับสภาพผู้ปวย
่
1.2 จัดท่านอนศีรษะสูง 45- 60 องศา เพือให้ปอดขยายตัวดี
่
่
1.3 ดูขนาดท่อช่วยหายใจเบอร์อะไร และขีดต าแหน่งความลึกทีเท่าไหร่ และลงบันทึกทุกวัน
่
-ดูการผูกยึดท่อช่วยหายใจด้วยพลาสเตอร์ให้แน่นเพือไม่ให้เลื่อนหลุด
่
ั
1.4 ฟงเสียงปอด (Breath sound ) เพือประเมินว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ เช่น wheezing , crepitation
-ประเมินลักษณะการหายใจ และดูว่ามีภาวะขาดออกซิเจนหรือไม่เช่น ริมฝปากเขียว กระสับกระส่าย
ี
่
1.5 ติดตามผลเอกซเรย์ปอดขณะถ่ายภาพหน้าตรงไม่ก้มหรือแหงนหน้า เพือดูความผิดปกติของปอด และดูต าแหน่ง
่
ความลึกของท่อช่วยหายใจทีเหมาะสม ปกติปลายท่ออยู่เหนือ carina 3-4 cms. (ระดับ Thoracic 2)
ถ้าท่อช่วยหายใจลึกลงในหลอดลมข้างเดียว (one lung) จะท าให้ปอดอีกข้างไม่มีลมเข้าและเกิดภาวะปอดแฟบ
1.6 ตรวจสอบความดันในกะเปาะ (balloon) ของท่อช่วยหายใจ หรือวัด cuff pressure ทุกเวร หรือ 8 ชม. ค่าปกติ
่
25-30 cm H20 หรือ 20-25 mmHg เพือป้องกันการบวมตีบแคบของกล่องเสียง (laryngeal edema)
ขั้นตอนการวัด cuff pressure
- แจ้งให้ผู้ปวยทราบว่าจะวัดความดันลมในกระเปาะท่อช่วยหายใจ
่
่
- ใช้อุปกรณ์วัดความดันมาต่อเข้ากับสายทีใส่ลมเข้ากระเปาะ (balloon) ท่อช่วยหายใจ
- ดูค่าความดันทหน้าปดเครื่องวัด ให้อยู่ในช่วง 25-30 cm H20
ี
่
ั
- ถ้าน้อยกว่าปกติให้บีบลูกบีบใส่ลมเข้าไปในบอลลูน ถ้าค่ามากกว่า 30 cm H20 ให้บีบลมออกและวัดใหม่ จนได้
ค่าปกติแล้วจึงถอดอุปกรณ์ออก
่
่
1.7 เคาะปอด และดูดเสมหะด้วยหลักปลอดเชื้อเมือมีข้อบ่งชี้ เพือให้ทางเดินหายใจโลง ประเมินการหายใจและฟง ั
่
เสียงปอดหลังการดูดเสมหะแต่ละครั้ง
1.8 ท าความสะอาดช่องปาก ด้วยน ้ายา 0.12 % Chlorhexidine ทุก 8 ชม หรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
เพือลดจ านวนเชื้อโรคในปากและล าคอ ป้องกันการเกิดปอดอักเสบ
่
2. การพยาบาลขณะใช้เคร่องช่วยหายใจ
ื