Page 27 - Top Executive Sharing
P. 27
25
1. เรื่องสําคัญเร่งด่วน
2. เรื่องเร่งด่วนไม่สําคัญ
3. เรื่องสําคัญไม่เร่งด่วน
4. เรื่องไม่เร่งด่วนไม่สําคัญ อาจจะไม่ทําเลยก็ได้
ดังนั้น มันจึงขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะจัดลําดับความสําคัญของงานแต่ละงานว่าเรื่องใดเป็นเรื่องสําคัญ
และเร่งด่วนให้ดําเนินการก่อน แต่บางคนเลือกที่จําทําเรื่องเร่งด่วนแต่ไม่สําคัญก่อน เช่น มีโทรศัพท์มาจาก
เพื่อนก็เลือกจะรับสายคุยกับเพื่อนก่อน ทั้งๆที่เมื่อย้อนไปดูแล้วจะพบว่าเรื่องที่พูดคุยนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่ไม่สําคัญ และทิ้งเรื่องสําคัญแต่ไม่เร่งด่วนไว้ จนในที่สุดงานนั้นก็จะถึงกําหนดเวลากลายเป็นเรื่องสําคัญ
และเร่งด่วนในที่สุด ซึ่ง ณ ตอนนั้น ประสิทธิภาพหรือความละเอียดถี่ถ้วนที่เราจะทุ่มให้กับงานนั้นก็จะน้อยลง
งานก็จะมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากถูกบีบด้วยระยะเวลา ซึ่งสุดท้ายมันก็คือผลงานของเราที่แสดงออกมา
ให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นเช่นไร มีคุณภาพแค่ไหน และคนที่มารับงานต่อจากเรานั้นก็จะมีความรู้สึกไม่ดีกับงานของเรา
แต่หากเราวางแผนบริหารจัดการเวลานี้ให้ดีที่สุด สิ่งที่สําคัญสําหรับชีวิตการทํางานแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว
หรือชีวิตครอบครัวก็แล้วแต่ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเวลา เราจะบริหารจัดการเวลาอย่างไร เวลาคือโอกาส
โอกาสบางครั้งที่มาหาเรามันก็จะผ่านไปถ้าเราไม่ไขว่คว้าเอาไว้ ตัวอย่างเช่น บางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เจ้านาย
หรือผู้บังคับบัญชา หรือญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่มาขอความช่วยเหลือ เรามีโอกาสช่วยเหลือเขาแต่เราอาจ
ติดภารกิจหรือไม่เห็นความสําคัญ เราก็อาจจะปฏิเสธไปหรือรับปากแต่ไม่ทํา เราไม่รู้หรอกว่าโอกาสที่เขา
ไว้วางใจมอบหมาย หรือขอความช่วยเหลือเรา เมื่อเขาไม่ได้รับการตอบสนองหรือความช่วยเหลือจากเราไป
ตอนนั้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเรามันจะถูกจําในแง่ไม่ดีไปทันที เช่น ผมเป็นผู้บังคับบัญชา ผมมีงานด่วน
ที่จะขอให้คุณช่วยดําเนินการใดๆ ให้ แต่กลับถูกปฏิเสธที่จะดําเนินการ เนื่องจากสาเหตุหรือปัจจัยส่วนตัวต่างๆ
โอกาสที่ผู้บังคับบัญชาจะขอความช่วยเหลือจากเราก็จะน้อยลงไป หรือช่วยทําให้แต่ไม่เต็มใจ หรือทําไม่เต็มที่
โอกาสที่เราจะสร้างผลงาน หรือสร้างความประทับใจ หรือสร้างความจดจําต่อผู้อื่นก็จะหายไปเมื่อเวลาผ่านไป
ดังนั้นให้คํานึงถึงเสมอว่า ไม่ว่าเราจะทําอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา
มันไม่ใช่สิ่งที่น่าเบื่อ และไม่ใช่สิ่งที่รบกวนความสุขของเรา แต่มันคือโอกาส โอกาสที่เราจะสร้างผลงาน โอกาสที่
เราจะสร้างชื่อให้ตัวเรา โอกาสที่จะมีประสบการณ์ในสิ่งเหล่านั้น หากเราคิดอย่างนี้ได้เราก็จะทํางานอย่างมี
ความสุข และความตั้งใจ และอยากทํางานนั้นให้ออกมาดี ผลของงานและคุณภาพของงานก็ดีตาม เพราะหาก
เมื่อไรที่เราคิดว่างานที่เราทํานั้นออกมาดีที่สุดแล้ว ทําเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาเช่นไรใครจะชอบหรือไม่ก็อีก
เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเรามีความตั้งใจที่จะทําแล้ว ลงมือทําแล้ว หรือเรารู้ว่าทําแล้วยังไม่ดี ครั้งต่อไปเราก็ต้องพัฒนา
ให้ดียิ่งขึ้น ผมถือว่าเรื่องนี้มันคือหลักการใหญ่ในการทํางานสําหรับผม ถ้าจะทําอะไรต้องทําให้จริงให้หนักแน่น
บนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรม ถ้างานนั้นๆมีผลกระทบต่อบุคคลอื่น
เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นพนักงานฝุายสืบสวน มีคดีเยอะมากที่เจ้าทุกข์หรือผู้เสียหาย มาแจ้งว่าจดจําผู้ร้าย
ได้ว่าเป็นคนนู้นคนนี้ก็แล้วแต่ เราในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่เฉพาะผู้เสียหาย
แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาด้วย โดยในสมัยก่อนนั้นกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
การจะจับกุมใครสักคน แค่มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์และชี้ให้จับก็สามารถทําการจับกุมได้แล้ว
โดยไม่ต้องมีพยานหลักฐานใดๆเลย แค่มากล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําผิดหรือละเมิด เช่น มีคนมาแจ้ง
ความว่า นาย ก.ขโมยของ โดย ณ เวลานั้น นาย ก. ยังหลบซ่อนอยู่ที่บ้านพักของนาย ก.เอง ให้ไปทําการจับกุม
เดี๋ยวนี้ ตํารวจก็ต้องไปดําเนินการจับกุม เพราะเขาชี้ให้จับ ซึ่งกฎหมายระบุไว้เช่นนั้น ซึ่งหากเราไม่ดําเนินการ
จับกุมก็มีความผิดอีก แต่ก็มีหลายครั้งที่ความจําก็ดี หรือคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันก็ดี อาจจะทําให้สับสน
ทําให้ระบุตัวผิดพลาด ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสอบถามไล่เรียงจนชัดเจนว่าข้อมูลถูกต้อง ไม่ผิดตัว
จึงถึงจะดําเนินการจับกุมได้ เช่นเดียวกันกับการทํางานเราต้องรอบคอบและอย่าให้มี feedback ที่ไม่ดีกลับมา
หาตัวเอง ถึงสิ่งที่เราได้ดําเนินการลงมือทําไปแล้ว