Page 26 - Top Executive Sharing
P. 26
24
ให้มีประสบการณ์เช่นนี้และก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ถูกยิงและรอดมาได้ ซึ่งจริงๆก็ไม่น่ารอดได้เพราะว่าเราไม่รู้ก็ไม่เคย
ประตูในบ้านหลังนั้นเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งขณะนั้นทางผู้ต้องหากําลังนั่งล้อมวงรับประทานข้าวกันอยู่
ซึ่งในตอนที่ผู้ต้องหายิงต่อสู้มาเราก็ไปหลบที่กระจก แต่บังเอิญว่าประตูกระจกมันเปิดเอาไว้ซึ่งเราก็ไปหลบ
ตรงที่กระจกเปิดเอาไว้ ด้วยความที่ผู้ต้องหายิงแม่นจึงยิงไปตรงช่องว่างที่เปิดเอาไว้ไม่ได้ยิงมาที่กระจก
เพราะหากยิงไม่แม่นผมคงบาดเจ็บหรืออาจตายไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผม ซึ่ง ณ ตอนนั้นก็ไม่คิด
อะไรเป็นไปตามสัญชาติญาณ หากถามว่ากลัวไหมหากให้ไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นอีกครั้งก็คงกลัวเช่นกัน
ซึ่งคงต้องรอบคอบกว่านั้น ซึ่งถือเป็นประสบการณ์และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มา จนได้มาดํารงตําแหน่งเป็น
รองผู้กํากับสืบสวนสอบสวนที่สถานีตํารวจภูธรปากเกร็ด ก็ได้ทํางานด้านสอบสวนเต็มที่ เพราะว่าเป็นโรงพักที่
มีคดีเยอะมากและมีคดีค้างเยอะมาก ปีนึงตกประมาณ 3,000 คดี แต่มีพนักงานสอบสวนเพียง 10 คน ก็สงสาร
พนักงานสอบสวนทุกคน ดังนั้นในเมื่อเราเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งควบคุมงานด้านสอบสวนโดยตรง
จึงได้หาทางที่จะลดภาระงานและลดความเครียดให้แก่พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็มาคิดหา
วิธีบริหารจัดการให้พนักงานสอบสวนเหล่านั้นได้มีเวลาพักยาวๆเพื่อที่จะอยู่เคลียร์สํานวนที่อยู่ใน
ความรับผิดชอบ บางคนมีคดีถืออยู่ในมือ 40 – 50 สํานวน ไม่รู้จะทําอย่างไร บางคนหนีไปเลยโดยทิ้งสํานวนไว้
หรือเอาสํานวนติดไปด้วย เรียกเท่าไรก็ไม่กลับ ซึ่งเราก็เห็นใจและเข้าใจ จึงได้พยายามค่อยๆปรับปรุง ค่อยๆ
พัฒนาการบริหาร รวมทั้งชี้แนะ และทําการศึกษาเรื่อยๆจนสามารถแก้ไขได้เข้าที่เข้าทาง จนเรียกว่าเป็น
กระบวนการที่ทําให้ระบบงานสอบสวนของสถานีตํารวจภูธรปากเกร็ดเข้าที่เข้าทาง ผมก็ได้ยึดหลักตรงนั้นมา
โดยตลอด เพราะว่าเวลาที่เราก้าวข้ามจากตําแหน่งหนึ่งไปสู่อีกตําแหน่งหนึ่ง ความรับผิดชอบ ความรู้
ความสามารถที่จะนํามาใช้ก็ต้องปรับไปด้วย ปรับไปตามสเต็ปของงาน ตอนสมัยผมเป็นรองสารวัตรผมเห็น
สารวัตร ผมก็อยากจะเป็นสารวัตร เพราะคิดว่าดีแต่สั่ง สั่งนู่นสั่งนี่ พอเราขึ้นมาอยู่ในตําแหน่งสารวัตรจึงได้รู้ว่า
เป็นอย่างไร ซึ่งส่วนไหนที่เมื่อครั้งเรายังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้วเรารู้สึกไม่ดี ไม่ชอบ ไม่มีเหตุผล เราก็จะ
ไม่นําพฤติกรรมเช่นนั้นมาปฏิบัติกับผู้ใต้บังคับบัญชา เราก็ต้องปรับตัวไปพร้อมกันด้วย ทําให้เมื่อเรายิ่งตําแหน่ง
สูงขึ้นก็ยิ่งเหนื่อย เพราะนอกจากเราจะดูเรื่องงานแล้วเรายังต้องดูเรื่องความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยว่า
เขาไหวไหม เขาบกพร่องในการทํางานส่วนไหนเพราะอะไร เขามีปัญหาเพราะอะไร ระบบงานเอื้อต่อ
การปฏิบัติงานหรือไม่ อุปกรณ์และสถานที่เป็นอย่างไร สมัยก่อนที่ผมเป็นพนักงานสอบสวนเรียกว่าตั้งแต่สําเร็จ
การศึกษาเลย แม้กระทั่งกระดาษพิมพ์ดีด หรือกระดาษ copy เราต้องซื้อเอง แม้กระทั่งสมุดบันทึกประจําวัน
ที่ชาวบ้านมาแจ้งความ ตํารวจก็ต้องซื้อเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ ความขาดแคลนของตํารวจ ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทําอย่างไร
เนื่องจากเงินเราก็ไม่มีที่จะไปซื้อกระดาษดีๆมาจากห้างมาใช้ในการทํางานซึ่งทั้งโรงพักใช้เยอะมาก ก็เลยต้องไป
หาร้านขายของเก่าที่เขารับซื้อกระดาษที่มันอาจจะถูกน้ําที่ห่อภายนอกแต่ภายในยังพอใช้ได้ก็ไปขอซื้อในราคาถูก
ซึ่งต้องค่อยๆเรียนรู้และค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละส่วน ทีละเล็กทีละน้อย
แต่ทั้งหลายทั้งปวงที่อยากจะฝากไว้ให้พวกเราเข้าใจ นั่นคือ ณ เวลาที่เราอยู่ในตําแหน่งหนึ่งตําแหน่ง
ใดนั้น ถ้าเราไม่รักความเป็นตัวตน หรือไม่รักในอาชีพในตําแหน่งที่เราอยู่ ณ เวลานั้นแล้ว เราจะทํางานอย่างไม่
มีความสุข เราก็จะเบื่องาน และบางคนอาจจะเกิดความวิตกจนถึงกับหนีอออกจากงานตรงนั้นไป มันก็เป็น
อะไรที่มันเป็นความจําเป็น เพราะเราเกิดมาเพื่อที่จะอยู่ใช้ชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถ้านึกดูดีๆช่วงระยะเวลา
ที่ทํางานจริงๆ เอาให้จบมาใหม่ๆได้ทํางานเลยจนถึงเกษียณอายุ ก็จะมีระยะเวลาประมาณ 30 กว่าปี ดังนั้น
ช่วงเวลาทํางานของคนเรามันมีเพียงนิดเดียว ยิ่งหากเราซอยระยะเวลาในการทํางานแต่ละวันโดยหักเวลานอน
ออก หักเวลากินออก หักเวลาเดินทาง หักเวลาพักผ่อนออก จะพบว่าเหลือเวลาทํางานเพียงนิดเดียว ซึ่งหลายๆ
คนคงจะพบปัญหาเดียวกัน คือ ทํางานไม่ทัน มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะจัด Priority ของงานอย่างไร ซึ่งหลายๆท่าน
อาจจะเคยได้ยินมา คือแบ่งออกเป็น