Page 75 - สังคม เศรษฐกิจ การเมืองไทย
P. 75
๖๖
เหลานี้เอาไว ซึ่งเมื่อเราศึกษาถึงแนวคิดเรื่องอคติ และการเลือกปฏิบัติทางสีผิว (racism) และทฤษฎี
ที่วาดวยความขัดแยง เราจะเขาใจประเด็นดังกลาวนี้ไดชัดเจนขึ้น
เรื่องของอคติทางสีผิว (racism) ซึ่งจะทําใหเรามองมิติในเรื่องความสัมพันธระหวางผูคน
ทั้งทางวัฒนธรรมและการเมืองเศรษฐกิจ ในสวนของความขัดแยงไดอีกมุมหนึ่ง เพราะการพิจารณา
เรื่องอคติสีผิวนั้น ใหความสําคัญกับการพิจารณาวา สังคมใหญนั้นมีทาทีและปฏิบัติตอกลุมชาติพันธุ
อยางไร ซึ่งในประเด็นนี้แตกตางไปจากการศึกษากลุมชาติพันธุในแบบกระแสหลักที่สนใจอธิบายลักษณะ
เฉพาะของแตละกลุมชาติพันธุ และความสัมพันธระหวางกัน และสนใจวากลุมเหลานั้นจะอยูรวมหรือ
ผสมกลมกลืนกับชนกลุมใหญไดอยางไร
ªØ´¤ÇÒÁ¤Ô´·ÕèÊíÒ¤ÑÞ·Õèà¡ÕèÂÇ⧡ѺͤμÔ·Ò§ÊÕ¼ÔÇ¡ç¤×ͤíÒÇ‹Ò “ͤμÔ” (prejudice) ซึ่งเนน
เรื่องของความเชื่อ และความคิดที่มีการเรียนรูถายทอดกันมาของกลุมคนหรือบุคคล ที่มีตอสมาชิกของ
กลุมหนึ่งๆ ขณะที่ “การเลือกปฏิบัติ” (discrimination) เปนเรื่องของการกระทํา ทั้งนี้ทั้งอคติและการ
เลือกปฏิบัตินั้นวางอยูบนฐานของ stereotypes หรือความเขาใจแบบเหมารวมที่มีตอกลุมคน (อาทิ
ในตําราฝรั่ง คนตัวสั้นจะเปนคนที่ชอบใชความรุนแรง หรือผูหญิงเปนเพศที่ออนแอ) และเมื่อความคิด
เหมารวมนั้นสงผลทางลบความคิดเหมารวมนั้นจะกลายเปนอคติ และจะสงผลตอการเลือกปฏิบัติ และ
บุคคลที่มีอคติและเลือกปฏิบัติก็ถูกเรียกวา racist
เมื่อเรามองเรื่องของชาติพันธุและสีผิว เราจะพบวาเรื่องของชาติพันธุนั้นใหความสนใจ
ในเรื่องของวัฒนธรรมมากกวาเรื่องของอคติและการเลือกปฏิบัติในเรื่องสีผิวซึ่งสนใจกระบวนการของ
ความสัมพันธทางอํานาจที่กระทําตอตัวคนมากกวา
ในยุคแรกการใหคํานิยามในเรื่องของอคติ และการเลือกปฏิบัติในเรื่องสีผิวนั้นเปนการ
ทาทายตอแนวคิดในเรื่องของความเชื่อทางวิทยาศาสตร (เชื้อชาติ) ที่เชื่อวามนุษยนั้นมีความตางกัน
ดังจะเห็นในคํานิยามของ UNESCO หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ในยุคตอมานักสังคมวิทยา อาทิ
นักสังคมวิทยาจากอังกฤษ Rex เห็นวาความสําคัญนั้นอยูที่ระบบความคิดแบบยึดมั่นที่เกี่ยวเนื่องกับ
ความแตกตางระหวางกลุมชาติพันธุ ซึ่งเห็นวามีปจจัยที่อยูเหนือการควบคุมของคนหรือกลุมเหลานั้น
และไมสามารถเปลี่ยนแปลง (อาทิ สีผิว หรือ ลักษณะทางกายภาพอื่นๆ)
อคติและการเลือกปฏิบัติทางสีผิวนั้นอาจเกิดขึ้นทั้งในระดับของความคิดความเชื่อและใน
ระดับของการกระทําที่สืบทอดตอกันมา ซึ่งรวมไปถึงรูปแบบของระบบกฎหมายและระบบเศรษฐกิจ
บางลักษณะที่เกิดขึ้นรองรับอคติและการเลือกปฏิบัติทางสีผิวเหลานั้น (institutional racism)
ซึ่งไดแก อคติและการเลือกปฏิบัติในเรื่องสีผิวในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการอธิบายในประเด็นของอคติและ
การเลือกปฏิบัติทางสีผิวในขั้นสถาบันนี้ทําใหเราเขาใจไดวา racism นั้นอาจจะไมไดปฏิบัติการใน
ระดับของจิตสํานึกของ racist ในความหมายที่วา racism นั้นอาจเกิดขึ้นในระดับของสิ่งที่ไมไดคิด
อยางมีจิตสํานึกก็ได (อาทิในระดับของความเชื่อที่วาสิ่งที่ตนคิดและเขาใจนั้นเปนเรื่องปรกติอยูแลว)