Page 76 - สังคม เศรษฐกิจ การเมืองไทย
P. 76

๖๗




                 อาทิ กฎระเบียบในการขอเชาบานในอังกฤษที่จะใหสิทธิกับผูที่อยูในพื้นที่นั้นนานที่สุด ขณะที่บรรดา
                 ผูอพยพนั้นมักจะเปนผูที่เขาใหม

                             ตัวอยางอื่นๆ ที่นาสนใจเห็นจะเปนเรื่องของอคติและการเลือกปฏิบัติทางสีผิวที่มาพรอม
                 กับสื่อตางๆ อาทิ เรื่องของการนําเสนอความเปนอังกฤษผานภาพหมูบานอังกฤษและคนผิวขาว ทั้งที่

                 ความเปนอังกฤษอาจจะสามารถสื่อไดถึงเรื่องอื่นๆ เชนเดียวกับการพูดถึงความเปนไทยที่มักพูดถึงความ
                 เปนไทยภาคกลาง หรือศาสนาพุทธ ทั้งนี้รวมไปถึงสื่อมวลชนที่นําเสนอขาวการเพิ่มขึ้นของประชากร

                 ในหลายพื้นที่ที่มีลักษณะสีผิว และลักษณะทางชาติพันธุ(ที่สังเกตไดดวยตา หรือดวยภาษาที่ใช) เปนตน
                             ตัวอยางที่พอจะยกขึ้นมาพูดไดก็คือ วิธีคิดในเรื่องของการเมืองเชิงชาติพันธุในพมา

                 ที่พยายามสรางภาพของประเทศแหงความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกิจกรรม และพิธีกรรมของรัฐ
                 หลายอยาง อาทิ การรําฟอน แตในขณะเดียวกันนั้นในความเปนจริงก็ยังมีการกดขี่ขมเหงทางชาติพันธุ

                 อยูเปนจํานวนมากดังที่ไดเห็นในรายงานหลายฉบับ ตัวอยางที่นาสนใจของไทยก็คือการมีทัศนคติ
                 กับชาวเขาในแบบที่นําเสนอวาชาวเขาไดพัฒนาแลว โดยเห็นวาชาวเขานั้นพัฒนาขึ้นมาดวยเทคโนโลยี

                 ตะวันตก เปนตน

                             เครื่องมือในการทําความเขาใจกลุมชาติพันธุ (โดยเฉพาะการกอรูปและความขัดแยง
                 ระหวางกัน) กับเรื่องของอคติและการเลือกปฏิบัติทางสีผิวทําใหเรามีความเขาใจในเรื่องของความละเอียด
                 และซับซอนของความสัมพันธทางอํานาจที่เกิดขึ้นจากความคิดความเชื่อรูปแบบของเทคโนโลยีทาง

                 อํานาจนานัปการที่กระทําตอบุคคลและกลุมคนในสังคมที่แตกตางกันไป โดยเฉพาะเมื่อความคิด

                 ความเชื่อเหลานั้นถูกผูกติดกับการมองดวยตา
                             ทฤษฎีเรื่องอคติและการเลือกปฏิบัติทางสีผิวนั้นในยุคใหมไดรับการอธิบายในเบื้องตนวา

                 เปนปรากฏการณใหมในสังคม เกิดขึ้นในสังคมทุนนิยมและอาณานิคม racism จึงเปนเครื่องมือในการ
                 สรางความชอบธรรมในการขูดรีดในยุคอาณานิคม โดยเฉพาะกับคนงานอพยพ ราวกับเปนโครงสราง

                 สวนบนในวิธีคิดแบบมารกซิสม อยางไรก็ดีแนวคิดมารกซิสมรุนใหม อาทิ สํานักวัฒนธรรมศึกษา
                 แหงเมืองเบอรมิงแฮมนั้นเห็นวา แนวคิดเรื่องของ racism นั้นไมใชเรื่องที่ถูกกําหนดอยางตายตัวมา

                 จากระบบทุนนิยมและอาณานิคม หากแตมีพัฒนาการที่มาจากการตอสูและตอรองจากกลุมผูที่ถูก
                 กระทําใน racism ดวย แมวาอิทธิพลทางเศรษฐกิจนั้นจะเปนปจจัยอันทรงพลังเบื้องหลังอคติและ

                 การเลือกปฏิบัติทางสีผิวก็ตาม และก็พูดถึง new racism ที่อาจจะไมไดเนนเรื่องของลักษณะทาง
                 วิทยาศาสตร-ชีวภาพ หากแตเปนเรื่องของลักษณะของวัฒนธรรมที่แตกตางกัน แตก็พวงมาดวยความ

                 เขาใจเศรษฐกิจการเมืองของปรากฏการณ racism ดังกลาว ดังจะเห็นในชวงทศวรรษที่ ๘๐ ในอังกฤษ
                 ที่มีการนําเสนอภาพของอคติและการเลือกปฏิบัติใหมที่ดึงเอาคนผิวขาวในชนชั้นกรรมาชีพไปเปนพวก

                 ในนามของความเปนชาติ (ลองพิจารณาประเด็นนี้รวมกับโฆษณาคาราบาวแดงที่พูดถึงนักสูผูยิ่งใหญ
                 เปนตน) และในแงนี้ new racism จะเกี่ยวของกับเรื่องของการอพยพยายถิ่นมากกวาเรื่องของอาณานิคม

                 และแนวคิดความแตกตางทางชีวภาพ และในขณะเดียวกันอคติและการเลือกปฏิบัติในปจจุบันนั้นก็จะ
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81