Page 197 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 197

๑๙๐




              μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
                          คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè òðó/òõóñ ไมมีบทบัญญัติของกฎหมายหามมิใหรับฟงพยานโจทก

              ที่เคยตกอยูในฐานะผูตองหาดวยกันเปนแคมีนํ้าหนักใหรับฟงมากนอยเพียงใดเทานั้น หากศาลเห็นวา
              พยานเชนวานั้น เบิกความประกอบชอบดวยเหตุผล เชื่อไดวาเบิกความตามความเปนจริงที่เกิดขึ้น

              ศาลก็มีอํานาจรับฟงพยานดังกลาวประกอบคดีของโจทกได
                          คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè óñõô/òõóó  แมจะปรากฏวา ส. เคยถูกฟองวารวมกระทําผิดคดี

              เดียวกันนี้กับจําเลยมากอน คําเบิกความและคําใหการของ ส. จึงถือไดวาเปนคําซัดทอดของผูรวม
              กระทําผิดดวยกันก็ตาม แตคําซัดทอดดังกลาวก็มิไดเปนเรื่องการปดความผิดของผูซัดทอดใหเปน

              ความผิดของจําเลยผูเดียว คงเปนการแจงเรื่องราวถึงเหตุการณที่ตนไดประสบมาจากการกระทําผิด
              ของตน ยิ่งกวาเปนการปรักปรําจําเลย คําเบิกความและคําใหการของ ส. จึงมิใชเปนพยานหลักฐานที่

              จะรับฟงไมไดเสียเลย เพียงแตมีนํ้าหนักนอย และจะตองรับฟงดวยความระมัดระวังเทานั้น



                                     (ó) คําÃѺ·Õè¼ÙŒ¡Å‹ÒÇàÊÕ»ÃÐ⪹



                                           เปนคํากลาวหรือคํารับทําãËŒμ¹àͧàÊÕÂËÒÂàÊÕ»ÃÐ⪹หรือเปน
              คํากลาวที่เปนปฏิปกษตอตนเอง เพราะโดยปกติแลว บุคคลยอมจะไมกลาวอะไรที่ทําใหตนเสียหาย

              หากวาเรื่องที่กลาวนั้นไมเปนความจริง ซึ่งคํา¡Å‹ÒǹÑé¹μŒÍ§à¡Ô´¨Ò¡¤ÇÒÁÊÁѤÃ㨢ͧ¼ÙŒ¡Å‹ÒÇนั้นเอง



              μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
                          คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè öóõ/òõôó  ผูเสียหายเบิกความบรรยายพฤติกรรมของจําเลย

              ตั้งแตกอนและขณะกระทําชําเราเปนขั้นตอนตามลําดับวามีการใชกําลังกายอยางไร พูดจาบังคับขูเข็ญ

              อยางไร และกระทําการกระทําชําเราเปนเหตุเปนผลไมขัดตอหลักความจริงของธรรมชาติ หากมิได
              มีขอเท็จจริงเกิดขึ้นแลว ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กก็จะไมสามารถเบิกความในลักษณะเชนนั้นได จึงยากที่

              ผูเสียหายจะปนแตงขึ้นมาเอง ประกอบกับผูเสียหายยังเปนนักเรียน การถูกลวงละเมิดทางเพศ
              จึงเปนสิ่งนาอับอายที่จะมาเปดเผยใหผูอื่นลวงรู ผูเสียหายยอมไมมีจริตเสแสรงเอาความเท็จพูดบอก

              แกผูอื่นใหเสื่อมเสียแกตนเองและครอบครัว เมื่อประกอบกับพยานหลักฐานอื่นๆ จึงรับฟงได
                          คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ùö - ù÷/òõôõ   ผูเสียหายเปนหญิงอายุ ๑๖ ปเศษ และกําลัง

              ศึกษาอยูในวิทยาลัยการอาชีพ รูจักและไมเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยทั้งสี่มากอน ไดเบิกความถึง
              พฤติการณขณะที่ถูกจําเลยทั้งสี่กับพวกขมขืนกระทําชําเราเปนขั้นตอน มีรายละเอียดสอดคลองสมจริง

              ยากแกการที่จะปรุงแตงขึ้น หากมิไดเกิดขึ้นจริงยอมเปนการผิดวิสัยที่หญิงสาวจะปนแตงเรื่องที่ตนถูก
              ชายหลายคนขมขืนกระทําชําเรา อันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง ซึ่งเปนเรื่องเสื่อมเสียตอชื่อเสียง

              ของตนอยางรายแรง ขึ้นมาปรักปรําจําเลยทั้งสี่ ทั้งขณะเกิดเหตุมีแสงสวางจากเทียนไขและไฟแช็ก
   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202