Page 41 - บทความ พระครูโสภณวีรานุวัตร.
P. 41
658 รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2
สาระที่จะบรรยาย แล้วบรรยาย คือ พูด บอก เล่า อธิบาย เนื้อหาสาระหรือสิ่งที่ต้องการสอนแก่ผู้เรียนและ ประการที่ 1 เกี่ยวกับเนื้อหาหรือเรื่องที่จะสอน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่จะสอนนี้ พระองค์จะมีหลักการ
3
ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ต่อความหมายการสอน สอนสาวกของพระองค์ ด้วยวิธีการต่างๆ กันแล้ว แต่ทว่า ผู้ที่จะรับหลักธรรมนั้น จะมีสติปัญญามากน้อย
หรือเหมาะสมกับเนื้อหาที่จะถ่ายทอดให้หรือไม่นั้น ถ้าพระองค์เห็นว่า ผู้ที่จะรับหลักธรรมนั้น ๆ เหมาะสม
แนวคิดทางการสอนทางพุทธศาสตร์ พระองค์ก็จะแสดงหลักธรรมให้ผู้นั้นฟัง ซึ่งเกี่ยวกับเนื้อหาหรือเรื่องที่จะสอนนั้น พระองค์ทรงยึดหลัก
พระพุทธศาสนาถือก าเนิดที่ประเทศอินเดีย เมื่อประมาณ 2500 กว่าปีมาแล้ว โดยถือก าเนิดจากผู้ ดังต่อไปนี้
ที่สืบเชื้อสายจากชนชาติอารยัน คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งค าว่า “สิทธัตถะ” ที่แปลว่า ผู้ประสบผลส าเร็จทุก 1. สอนจากสิ่งที่รู้เห็น เข้าใจง่ายหรือรู้อยู่แล้ว ไปยังสิ่งที่รู้เห็นเข้าใจยาก หรือยังไม่รู้ไม่เห็น ไม่
อย่าง ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะ ได้เสด็จออกผนวชที่ริมฝั่งแม่น้ าอโนมา หลังจากการเสด็จออกผนวช พระองค์ก็ เข้าใจ เช่น อริยสัจทรงเริ่มสอนจากความทุกข์ ความเดือดร้อน เพราะความทุกข์ ใครๆ ก็รู้และเคยประสพ
พยายามท าทุกวิถีทาง ที่จะพ้นทุกข์ให้ได้ สุดท้ายพระองค์ได้ตรัสรู้ด้วยอริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มา จากนั้นจึงน าไปหาสาเหตุ ซึ่งใครๆ รู้ได้ยาก เพราะลึกซึ้ง เมื่อรู้สาเหตุของทุกข์แล้ว ก็ทรงสอนทางปฏิบัติ
มรรค เพื่อขจัดทุกข์หรือแก้ไขมิให้ทุกข์เกิดต่อไป
หลักจากพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเสวยวิมุตติสุข และใคร่ครวญอยู่ 2. สอนเนื้อเรื่องให้ยากขึ้นตามล าดับขั้น และต่อเนื่องเป็นล าดับไป ดังที่เรียกว่าอนุพพิกถา
เนื่องๆ อยู่นานถึง 7 สัปดาห์ด้วยกัน พระองค์จึงตัดสินพระทัยในการที่จะน าหลักธรรม ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ อันหมายถึง พระธรรมเทศนาที่แสดงเนื้อหาความลุ่มลึกลงไปโดยล าดับ เพื่อขัดเกลาอัธยาศัยของผู้ฟังให้
น าไปโปรดเวไนยสัตว์ ให้เห็นรู้จริงตามพระองค์ ตามความสามารถที่เรียนรู้ของแต่ละบุคคล หรือที่เรียกว่า “ ประณีตยิ่งขึ้นไปเป็นขั้นๆ จนพร้อมที่จะท าความเข้าใจในหลักธรรมอันลึกซึ้งต่อไป
ดอกบัว 4 เหล่า” นั่นเอง พระองค์ทรงมีพระปรีชาที่จะน าหลักธรรมไปเผยแผ่แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย 3. ถ้าสิ่งที่สอนเป็นสิ่งที่แสดงได้พึงสอนด้วยของจริง ให้ผู้เรียนได้ดู ได้เห็น ได้ฟัง อันเป็น
การที่พระองค์มีพระปรีชาสามารถมากมายอย่างนี้ พระองค์จึงได้รับขนานพระนามถวายจาก ประสบการณ์ตรง เช่น สอนพระนันทะซึ่งเป็นพุทธอนุชาที่คิดถึงคู่รัก คนงามมีนามว่า ชนบทกัลยาณี โดย
4
นักปราชญ์ทั้งหลาย พุทธศาสนิกชนนิยมกล่าวเรียกพระองค์เสมอ คือ ค าว่า “ พระบรมศาสดา” หรือ การทรงพาไปชมนางฟ้า นางอัปสร เทพธิดา ให้เห็นด้วยตา เรื่องอาจารย์ทิศาปาโมกข์ให้หมออาชีวกทดสอบ
พระบรมครู ซึ่งแปลว่า พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยม หรือ ผู้เป็นยอดแห่งครู ในภาษาบาลีก็มีบทพุทธคุณถวาย ตัวเอง เรื่อง นามสิทธิชาดก หรืออย่างที่ให้พระภิกษุเพ่งดูความเปลี่ยนแปลงของดอกบัว เป็นต้น
พระเกียรติว่า สตฺถา เทวมนุสฺสาน แปลว่า พระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย และยังมีค าเสริม 4. สอนตรงเนื้อเรื่อง ตรงเนื้อหา คุมอยู่ในเรื่อง มีจุดแน่นอน ไม่วกวน ไม่ไขว้เขว ไม่ออกนอกเรื่อง
เพื่อที่ยกย่องพระองค์อีกว่า อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ แปลว่า เป็นสารถีฝึกคนได้ไม่มีใครยิ่งกว่า ซึ่งพระ โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับเนื้อหา
นามเหล่านี้ เป็นเครื่องบอกถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายอยู่ในตัวว่า ไม่ว่าจะเป็นนักปราชญ์และ 5. สอนมีเหตุผล ตรองตามเห็นจริงได้ดี
พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรที่จะเคารพบูชายกย่องสรรเสริญ เทิดทูนบูชาพระองค์ ในฐานะที่พระองค์เป็น 6. สอนเท่าที่จ าเป็นพอดีเพื่อให้เกิดความเข้าใจให้การเรียนรู้ได้ผลดี ไม่ใช่สอนอย่างตนรู้สึกหรือสอน
นักการสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งหาที่เปรียบมิได้ พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างยอดเยี่ยมในการ โดยแสดงให้เห็นว่าผู้สอนมีความรู้มาก
อบรมสั่งสอน ที่จะท าให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่พระองค์ทรงสอนได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และในที่สุด 7. สอนสิ่งที่มีความหมายซึ่งผู้เรียนรู้และเข้าใจได้ดี เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนมากที่สุด เพราะพระ
แห่งการเรียนรู้ทุกสิ่งทั้งหลายทั้งมวล ก็สามารถประสบผลส าเร็จในชีวิต สามารถที่จะด ารงชีวิตอยู่ในสังคมแต่ พุทธองค์ทรงพระเมตตตา หวังประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ
ละสถานที่ได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจ ถือได้ว่าพระองค์มีหลักการสอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ประการที่ 2 เกี่ยวกับตัวผู้เรียน ผู้เรียนถือว่ามีส่วนส าคัญที่จะให้การจัดการสอนประสบผลส าเร็จ
หลักการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถจะท าให้ผู้เรียนรู้แจ่มเจ้งในเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาที่พระองค์ทรงสอน
พระพุทธเจ้าพระองค์จะมีหลักการเผยแผ่ศาสนาของพระองค์ ซึ่งพระองค์นั้นไม่เคยทรงตรัสไว้หรือ โดยที่พระองค์มีหลักการและวิธีการดังต่อไปนี้
แสดงไว้ในที่ไหนๆ ว่า พระองค์จะมีหลักการสอนมากมายหลายประการ แต่พระองค์ได้ทรงท า หรือได้ทรง 1. ทรงรู้ ทรงค านึงถึง และทรงสอนให้เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคลและทรงรู้ระดับ
แสดงตัวอย่างให้ผู้ที่ฟังน าไปปฏิบัติจับหลักเองจากปฏิปทาของพระองค์ นักปราชญ์ทั้งหลายได้รวบรวมเอาไว้ ความสามารถและความพร้อมของบุคคล เช่น ยกตัวอย่าง ดอกบัว 4 เหล่ามาเปรียบเทียบกับบุคคล มี 4
5
ที่ปรากฏในหนังสือหลายๆ เล่ม เช่น พระองค์ทรงยึดหลักการสอนทั่วไปของพระองค์ดังต่อไปนี้ ประเภท เป็นต้น
2. ปรับปรุงวิธีสอนให้เหมาะสมกับบุคคล แม้จะสอนในเรื่องหรือหัวข้อเดียวกัน แต่ต่างบุคคลผู้เรียน
3 บ้านจอมยุทธ [ออนไลน์], แหล่งข้อมูล: https://www.baanjomyut.com/library_2/extension- อาจจะต้องใช้วิธีสอนที่แตกต่างกัน
4/introduction _to _teaching/09.html [2 กุมภาพันธ์ 2560]. 3. ค านึงถึงความพร้อมเป็นส าคัญ ตลอดถึงความสุกงาม ความมีอินทรีย์แก่กล้า ของผู้เรียนแต่ละ
4 พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พุทธวิธีในการสอน, (กรุงเทพมหานคร : สหธัมมิก, 2541) หน้า 1
5 บุญมี แท่นแก้ว, ปรัชญาฝ่ายบุรพทิศ, (กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. 2545) หน้า 94-96 คนเป็นรายๆ ไปว่าในแต่ละคราวหรือเมื่อถึงเวลานั้น ผู้เรียนควรจะได้เรียนรู้อะไร และจะเรียนได้แค่ไหน
มากน้อยเพียงไร หรือว่าสิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียนรู้นั้น ควรให้เขาเรียนรู้ได้หรือยัง เช่น พระองค์ทรงรอคอย