Page 213 - Book-LP-Pichit_524 PAGES_1800 Smallest
P. 213
้ำ
ิ
เอาไปท�าอะไรบ้าง ส่วนมากก็คงจะเอาไปเป็นเช้ือเพลิงตอนเร่มจุดไฟ
ี
ั
ท่เรียกกันว่าเช้ือไฟน่นแหละ และส่วนมากเมื่อนานเข้าแอ่งในล�าต้นสน
้ำ
้ำ
้ำ
่
ี
ทรองรับนำมันสนมันเก่า แผลรอบ ๆ แอ่งมันแห้งกรังนำมันสน
ิ
้ำ
ุ
ั
่
่
ุ
้
ไมคอยเยมแลว เขากเอามดเอามยสบขดเอาเนอไมสนจากรอบ ๆ
็
้
้ำ
ื
ี
ี
แอ่งนามัน บางท่เราเคยเห็นเขาขุดถ้ากเอาเนอไม้สนอ่มนามันจน
�
้ำ
ื
�
้ำ
้ำ
ิ
่
ี
ั
ิ
ึ
ิ
็
ลาต้นเหลอกวเลกนดเดยว และบางทกข้ำนดอยไปเหนสนท้ำงต้นหก
่
ื
�
ี
็
็
ั
ี
ี
โค่นลงมาเลยน่าเสยดายและสงสารต้นสนเสยจรง ๆ เขาเอาไม้สน
ิ
�
ท่แซึ่ะขุดเอามาน่นแหละ นามาผ่าเป็นซึ่ีก ๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง เอามา
ั
ี
ี
ี
้ำ
ใช้้เป็นไม้เช้ือไฟ เรียกว่า ไม้เก๊ยะ ถ้้าไปทางภาคเหนือจะเห็นไม้เก๊ยะ
ิ
ี
มีวางขายในตลาดท่วไป วางเป็นมัดบ้างเป็นช้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง ม
้ำ
ั
ทั่วไป...
ี
้ำ
ั
ิ
ในคราวนนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าไฟป่ามันเร่มต้นมาจากท่ไหน
อย่างไร ไม่รู้ว่าใครจุดหรือยังไงกัน มีคนเขาบอกว่าท่เกิดเป็นไฟป่า
ี
ไม่ใช้่อย่างอ่น เป็นคนจุดหรือผู้ท่ไปท่องเท่ยว มันมีหลายพวก บางท
ี
ื
ี
ี
้ำ
ี
ก็ไปหาเก็บของป่า พวกจุดไฟเผาลนแอ่งน�ามันต้นสนเก๊ยะ บางคน
ี
ิ
ิ
ก็มือบอน บางคนก็จุดยาสูบ “ข้ำโย” สูบแล้วท้ำงก้านไม้ขีดบ้างท้ำง
ก้นบุหร่บ้าง พอลมพัดแรงโช้ยมามันก็ลุกขนเป็นเปลวไฟไหม้ป่า มัน
ี
้ำ
ึ
ี
่
เลยต้องเกิดมีไฟป่าไหม้ทุกปี ทส�านักสงฆ์ของพวกเราถ้้าไฟมันไหม้
มาแล้ว เวลากลางวันท่สถ้านีพช้สวนคนงานเขาก็ขนไปดับอยู่หรอกนะ
ื
้ำ
ึ
ี
ี
ดับจนไฟมอดลงมีแต่ควันฉุย ๆ อยู่ตามแนวท่ไฟไหม้เท่าน้ำน พอหมด
ั
เวลางานคนงานเขาก็กลับบ้านกันหมด ตกเย็นพอมืดค่ำเราสรงนำ
้ำ
ิ
่
่
ั
ู
ี
ั
่
้ำ
้
่
สรงทาแลวเดนจงกรมอย พอตกคำวนนนมลมพดโช้ยแรงหนอยไฟ
ั
ก็ลุกโพลงขนมาอีก ได้ยินเสียงกรอบแกรบ กรอบแกรบ ๆ ไฟลุกเป็น
ึ
้ำ
ื
ี
เปลวค่อย ๆ คืบคลานไหม้ใบไม้แห้งท่ตกตามพ้ำนดินใกล้เข้ามา ๆ ไฟ
ุ
มันมาใกล้ และไม่มีใครอ่นอยู่ใกล้เคียงเลย มันใกล้กฏิิเราเข้ามา ๆ
ื
l
ความเปนมาของเรา 199
็