Page 110 - BookHISTORYFULL.indb
P. 110

การตีความ เป็นขั้นตอนส�าคัญของการวิพากษ์ภายใน  ซึ่งเกิดจากการพิจารณา
                                                              ิ
                                                           ื
                                                                           ั
                                                                           ้
                                                           ่
                                              ็
                                         �
                           ็
                                                 ิ
          ข้อสนเทศว่าบอกข้อเทจจริงอะไรบ้าง  นาข้อเทจจรงประมวลเพออธบายเหตุการณ์นนๆ
                                                               ั
                           ี
          ว่าเป็นอย่างไร ปัจจัยท่ทาให้เกิดเหตุการณ์คืออะไร  และเหตุการณ์น้นส่งผลต่ออะไรบ้าง
                             �
                                              ั
          การตีความจะช่วยให้เกิดความเข้าใจเหตุการณ์น้นอย่างแท้จริง  ข้อเท็จจริงจากหลักฐาน
          ประกอบด้วย
                                                             ่
                 ๑. ความหมายตามตัวอักษรอย่างตรงไปตรงมา  ซงแน่นอนเราต้องทา
                                                                             �
                                                             ึ
          ความเข้าใจในส�านวนภาษาที่ใช้ในหลักฐานนั้นให้ชัดเจน  เพื่อให้เข้าใจความหมายที่ผู้สร้าง
          ต้องการบอก
                 ๒. ความหมายท่แท้จริง  ซ่งเป็นความหมายตามเจตนารมณ์ของผู้สร้างหลักฐาน
                              ี
                                      ึ
          ที่แฝงอยู่ด้วย ทั้งนี้เพราะมนุษย์ซึ่งเป็นผู้สร้างนั้น  ย่อมมีค่านิยม  ความคิดความเชื่อทาง
          ศาสนา  บริบททางการเมือง เศรษฐกิจเป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวของผู้สร้าง ซึ่งจะแฝงมากับ
          ข้อสนเทศในหลักฐานนั้นด้วย  ผู้ที่สืบค้นอดีตที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนทักษะ
          มาดี จะสามารถเข้าใจข้อนิเทศดังกล่าวนี้ได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝน
                                                                  ั
                                                                         ื
                                                         ื
                 อาจสรุปได้ว่า การตีความ คือ ความพยายามอธิบายเร่องราวโดยต้งอยู่บนพ้นฐาน
          ของข้อเท็จจริง  หรือข้อสนเทศที่ปรากฏในหลักฐานนั้น  ซึ่งจะแตกต่างข้อสันนิษฐานที่อาจ
          เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ศึกษาอดีต
                                              ั
                 การประเมนคณค่าของข้อสนเทศ น้น ย่อมมาจากการวิพากษ์ภายนอก และ
                            ุ
                         ิ
          การวิพากษ์ภายใน อย่างไรก็ตามผู้ศึกษาอดีต  ย่อมต้องเข้าใจด้วยว่า ความคลาดเคลื่อน
          ของข้อสนเทศเกิดจากมนุษย์เป็นผู้สร้างหลักฐาน ซึ่งอาจเกิดด้วยเจตนา  หรือไม่เจตนาก็ได้
                 แต่อย่างไรก็ตามการวิพากษ์ดังกล่าว  จะทาให้เราเข้าใจว่าหลักฐานทุกช้นแม้ว่าจะ
                                                 �
                                                                      ิ
          มีความคลาดเคลื่อนจากความจริง ตามล�าดับ ดังนี้ คือ ความจริง-อคติ-ความไม่รู้จริง –
                                                                          ั
          การบิดเบือน – ความเทจ แต่ท้งหมดน้ก็คือ ประโยชน์ในการศึกษาประวัติศาสตร์อยู่น่นเอง
                            ็
                                       ี
                                 ั
          ดังนั้น เราควรพิจารณาไตร่ตรอง  ท�าความเข้าใจวินิจฉัยความหมายที่แท้จริงของหลักฐาน
          นั้นๆ  และใช้อย่างมีเหตุผล
                 หลักการวิพากษ์ข้อสนเทศเพื่อการประเมินคุณค่าของหลักฐาน
                                                                          ื
                 ๑. ช่วงเวลาของการสร้างหลักฐาน นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเช่อว่า
          ยิ่งใกล้เหตุการณ์เพียงใดยิ่งเก็บทัศนะของผู้สร้างหลักฐานไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหลักฐาน
          ที่สร้างขึ้นภายหลังเหตุการณ์ไม่นาน หรือใกล้เหตุการณ์มากเพียงใด  ยิ่งได้รับความน่าเชื่อ
          ถือมากขึ้น  ในท�านองตรงกันข้ามหลักฐานที่สร้างขึ้นภายหลังเหตุการณ์เพียงใด  อาจให้
                                                                            ี
                                 ึ
                          ื
                   ี
          ข้อสนเทศท่คลาดเคล่อนได้ ซ่งอาจเกิดจากความหลงลืมหรือเกิดจากความพยายามท่จะ
          แก้ตัว จึงมีอคติปนอยู่ด้วย



   108
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115