Page 113 - BookHISTORYFULL.indb
P. 113

เรื่องที่ ๔



                        โครงงานทางประวัติศาสตร์  : การพัฒนาคนให้งอกงามในทุกมิติ


                            การน�าเสนอบทความนี้มีแรงจูงใจมาจากการได้ศึกษาผลงานของนักเรียนและครู

                     โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจากโครงงานวิทยาศาสตร์ดีเด่น “การแตกของฝักต้อยติ่ง” และ
                                                                   ี
                     การย้อนพิจารณาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ท่หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
                     ขั้นพื้นฐาน ๒๕๕๑ ก�าหนดตัวชี้วัด ส ๔.๑ (๒) ในช่วงชั้นที่ ๔ ว่า “สร้างองค์ความรู้ใหม่

                     ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ”  และสาระการเรียนรู้
                     แกนกลางในสาระนี้ ระบุชัดเจนว่า “ผลการศึกษาหรือโครงงานทางประวัติศาสตร์”
                            ขณะท่สาระวิทยาศาสตร์พัฒนาผู้เรียนทางด้านการจัดการเรียนรู้ “โครงงาน
                                 ี
                     วิทยาศาสตร์” ประสบความส�าเร็จสามารถก้าวเข้าสู่เส้นชัย  และรับรางวัล Grand Awards
                     ในงาน Intel International Science and  Engineering Fair  ปี  ๒๐๐๖ ณ ประเทศ

                     สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการพัฒนาที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องสืบมาถึงปัจจุบัน
                            แต่โครงงานทางประวัติศาสตร์ ยังวนเวียนอยู่กับการศึกษาพัฒนาการของ
                                                               ิ
                     อาณาจักรไทยในช่วงเวลาต่างๆ และประวัติศาสตร์ท้องถ่นเน้น “ความเป็นมาในนัยของใคร
                                              ื
                                 ื
                                           ั
                     อะไร ท่ไหน เม่อไร” รวมท้งเม่อวิเคราะห์ผลงานการประกวดหน่วยการเรียนรู้ของคร ู
                           ี
                                                                        �
                                              ี
                     ประวัติศาสตร์และศึกษานิเทศก์ท่ดาเนินต่อเน่องมา ๒ ปีการศึกษา จานวนกว่า ๓๕๐ หน่วย
                                                       ื
                                               �
                                                                                        ิ
                                                                              ื
                                                                            ั
                                                                                     ิ
                                                                                     ่
                                                                         ู
                      ึ
                             ิ
                     ซงพบว่า วธการจดการเรยนร้ส่วนใหญ่ยงคงเป็นการอ่านใบความร้ หนงสออ่านเพมเตม
                      ่
                               ี
                                            ู
                                                    ั
                                   ั
                                         ี
                     (ที่ครูจัดท�าให้)  และการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน
                                                                                           111
   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118