Page 94 - BookHISTORYFULL.indb
P. 94
ส�าหรับผู้อ่าน ค�าถามที่น่าจะเริ่มต้นด้วย “อ่านอะไรจึงจะดี” ผู้สอนจึงควรที่จะ
แนะน�าให้ผู้อ่านรู้จักสิ่งที่ตนก�าลังจะอ่านให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่ว่ารู้แต่ชื่อเรื่องเท่านั้น ควรจะ
รู้ด้วยว่า ใครเป็นผู้บันทึก หรือเขียนขึ้นผู้เขียนมีประสบการณ์ด้านใด รู้หรือมีส่วนร่วมกับ
ั
ึ
ึ
�
เหตุการณ์น้นอย่างไร ทาไมจึงเขียนข้น เขียนข้นจากประสบการณ์ตนเอง หรือ “เรียบเรียง”
ั
ี
หรือปรับปรุง หรือค้นคว้าจากหนังสืออะไรบ้าง ท้งหมดน้ไม่ใช่การจะตัดสินใจว่าจะอ่านหรือ
ไม่อ่าน คุ้มค่ากับเวลาที่จะอ่านหรือไม่ เพราะส�าหรับผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ การอ่านอย่าง
กว้างขวาง และหลากหลายจะช่วยให้ “ภาพอดีต” ชัดเจนขึ้น แต่ค�าแนะน�าดังกล่าว จะช่วย
ในการกลั่นกรองว่าอะไร คือ ข้อเท็จจริงที่ควรได้รับความเชื่อถือมากกว่า
ค�าถามว่า อ่านอย่างไร จึงจะรู้เรื่องเร็ว เป็นทักษะที่จะต้องฝึกฝนอย่างสม�่าเสมอ
�
ื
�
และต่อเน่อง จึงถือเป็นเร่องจาเป็นท่ผู้สอนจะต้องฝึกทักษะให้ผู้เรียนได้อ่าน สาหรับเด็ก
ี
ื
ิ
�
ั
ประถมศึกษา อาจจะเร่มอ่านเพียงไม่ก่บรรทัดแล้วตอบคาถามส้นๆ แบบตรงไปตรงมา
ี
ี
ี
(ในกรณีน้ผู้สอน ต้องฝึกฝนตนเองให้อ่านและเข้าใจประเด็นหลักของเร่องท่อ่านได้ชัดเจน
ื
ก่อน) จากน้น จึงเร่มฝึกฝนให้ผู้เรียนแยกแยะอะไร คือ ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ท่พบในเร่อง
ิ
ั
ี
ื
การอ่าน แล้วผู้อ่านเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยเหตุผลใด ก่อนจะฝึกฝนการอ่านเพื่อแยกแยะได้ว่า
อะไรคือข้อมูล อะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือความคิดเห็นส่วนตัว หรืออะไรคือความคิด
ความเชื่อของผู้เขียนที่สอดแทรกในบันทึกนั้น ก่อนจะก้าวไปถึงการตีความอย่างมีเหตุผล
บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับเด็กในระดับมัธยมศึกษามากกว่า
ื
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของการอ่าน คือ การรู้เร่อง โดยเฉพาะประเด็นหลักของ
ี
�
ื
เร่องว่ามีอะไรบ้าง ท่สาคัญก็คือ การอ่านบันทึกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เป็นการศึกษา
ในรูปแบบหนึ่งมิใช่การอ่านเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ จึงต้องมีการจดช่วยจ�า เช่น จดข้อมูล
�
ี
ในลักษณะเส้นเวลา time line (เรียงลาดับเหตุการณ์ตามวัน เวลา) หรือสรุปสาเหตุท่ทาให้
�
เกิดเหตุการณ์ โดยบันทึกที่มาของข้อมูลไว้ด้วย เช่น ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ เลขหน้า เพื่อที่
จะกลับไปค้นหาหรือสืบค้นเรื่องราวนั้นได้อีก
ี
ี
นอกจากน้ การนาภาพอดีตจากหลายๆ แหล่งท่มาเรียบเรียง แยกแยะแจกแจง
�
ข้นใหม่ ภายใต้บริบทเวลาในช่วงขณะน้น ในรูปแบบต่างๆ เช่น ผนวกกับจินตนาการสะท้อน
ึ
ั
สภาพสังคมเป็นวรรณกรรม ผนวกกับเหตุการณ์จริงที่พบเห็นเป็นบทความหรือหนังสือ
ภายใต้ช่อท่สละสลวยต่างๆ ก็นับว่าเป็นการเพ่มบันทึกพฤติกรรมของมนุษย์ เข้าไปสู่โลก
ิ
ี
ื
ของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่อไป
จะเห็นว่าประวัติศาสตร์ในแง่ของการเป็น “บันทึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์
ในอดีต” จะสร้างประโยชน์โดยตรงในการฝึกทักษะให้กับผู้เรียน ในแง่ของการคิดวิเคราะห ์
ี
�
รู้เท่าทันข้อมูล มีความรู้ความคิดกว้างขวางทันสมัย ทันคน เหตุการณ์ท่สาคัญ คือการพัฒนา
ด้านสติปัญญา เพราะพฤติกรรมและความคิดของมนุษย์นั้น “ล�้าลึกเหลือก�าหนด” เต็ม
92