Page 35 - สุขอนามัยฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
P. 35
สูบน้ำเข้าไปเก็บไว้ในบ่อตกตะกอน ก่อนที่จะปล่อยออกไปสู่แหล่งน้ำ
สาธารณะ ดังนั้นน้ำที่ระบายออกจากบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามโดยตรงจะ
มีสีเข้มจัดมาก ในกรณีที่คุณภาพน้ำภายนอกไม่ดีหรือมีการระบาด
ของโรคกุ้งก้ามกรามจากบริเวณข้างเคียง การสูบน้ำโดยตรงเข้าไปใน
บ่อเลี้ยงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงที่กุ้งในบ่อ อาจจะมีปัญหาได้ หรือใน
กรณีที่คลองชลประทานหยุดการส่งน้ำเป็นบางช่วงบางเวลา เกษตรกร
จะใช้วิธีสูบน้ำจากคลองชลประทานที่ยังหลงเหลืออยู่บางส่วน น้ำที่มี
อยู่ในคลองชลประทานในปริมาณที่น้อยจะมีการหมักหมมของเชื้อโรค
คู่มือวิชาการ เรื่อง แนวทางการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภท การเลี้ยงสัตว์น้ำ
หรือสิ่งต่างๆ ที่เมื่อสูบเข้าไปในบ่อเลี้ยงกุ้งจะทำให้กุ้งมีปัญหาได้
เช่นเดียวกัน
2. ไม่มีเครื่องให้อากาศ การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของ
เกษตรกรใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงแต่ละครั้งนานมากประมาณ 8 - 10
เดือน คือมีการปล่อยลูกกุ้งเป็นจำนวนมากแล้วทยอยจับกุ้งที่มีขนาด
โตบางส่วนออกไป และปล่อยลูกกุ้งเสริมไปอีกเรื่อยๆ การเลี้ยงที่ต้อง
ใช้ระยะเวลานานมากโดยไม่มีเครื่องให้อากาศ ในที่สุดพื้นบ่อจะเกิด
การเน่าเสียเนื่องจากปริมาณของเสียที่สะสมอยู่ที่พื้นบ่อ และจากการ
ที่ไม่มีเครื่องให้อากาศ จะทำให้ออกซิเจนที่ละลายในน้ำในบริเวณ
พื้นบ่อมีไม่เพียงพอ จะเห็นได้ว่าปัญหากุ้งป่วยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตาม
ระยะเวลาของการเลี้ยง เนื่องจากการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามต้องมีการให้
อาหารวันละ 2 - 3 มื้อ ของเสียที่สะสมในในบ่อ ปริมาณอาหารที่
หลงเหลือ และสิ่งขับถ่ายจะเกิดการเน่าเสียอยู่ที่พื้นบ่อ กุ้งก้ามกราม
เป็นกุ้งที่อาศัยอยู่พื้นบ่อตลอดเวลา เมื่อพื้นบ่อสกปรกเน่าเสียจะ
ทำให้กุ้งอ่อนแอและป่วยในที่สุด ในกรณีที่พื้นบ่อสกปรกแต่ไม่ถึงกับ
ทำให้กุ้งป่วยเป็นโรคตาย แต่จะมีผลทำให้การเจริญเติบโตของกุ้ง
ช้ากว่าปกติ ตัวกุ้งจะไม่สะอาด คุณภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงตามมาด้วย
28