Page 42 - สุขอนามัยฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
P. 42
3. ใช้อาหารสำเร็จรูป เนื่องจากการซื้อวัตถุดิบมาผสม
เพื่อผลิตอาหารที่เกษตรกรทั่วไปปฏิบัติกันอยู่ อาจจะประหยัดต้นทุน
ได้ระดับหนึ่งแต่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโต
และมีผลต่อคุณภาพน้ำ รวมถึงสภาพพื้นบ่อด้วย การใช้อาหาร
สำเร็จรูปที่มีการจำหน่ายในท้องตลาดผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตอาหารที่มี
ความชำนาญและมีประสบการณ์ยาวนาน มีกระบวนการผลิตที่ได้
มาตรฐาน และมีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพโดยเจ้าหน้าที่
ของรัฐ ความคงที่แน่นอนและสม่ำเสมอของคุณภาพอาหารที่ผลิต
ย่อมจะดีกว่าเกษตรกรซื้อวัตถุดิบต่างๆ มาผสมและทำอาหารเอง
อาหารสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมีการแข่งขันระหว่างบริษัท
ต่างๆ จำนวนมาก ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพของอาหาร ผู้ใช้คือ
เกษตรกรสามารถร้องเรียนบริษัทผู้ผลิตได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตที่มี
อยู่จำนวนมากต้องพยายามหาวิธีที่จะผลิตอาหารกุ้งก้ามกรามให้มี
คุณภาพดีขึ้น และการบริการด้านวิชาการหรือการส่งเสริมการขาย
เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตกุ้งได้ตามเป้าหมาย
4. ปล่อยลูกกุ้งน้อยลงและเลี้ยงแบบย้ายบ่อ การ คู่มือวิชาการ เรื่อง แนวทางการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภท การเลี้ยงสัตว์น้ำ
ปล่อยลูกกุ้งในปริมาณที่เหมาะสมคือ 50,000 - 60,000 ตัว/ไร่ ใน
บ่อที่มีเครื่องให้อากาศ 1 เครื่อง อนุบาลลูกกุ้งระยะหนึ่งประมาณ
60 - 70 วัน แล้วย้ายกุ้งไปเลี้ยงในบ่อใหม่ในอัตราความหนาแน่น
10,000 ตัว/ไร่ แล้วเลี้ยงไปอีกนานประมาณ 2 - 2.5 เดือน ใช้
อวนลากคัดเอาตัวเมียที่สมบูรณ์ไปเลี้ยงไว้เป็นแม่พันธุ์ในบ่อดิน
ส่วนตัวเมียที่มีขนาดเล็กและตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์เอาไปขาย ส่วนกุ้งตัวผู้
ที่มีสุขภาพแข็งแรงย้ายไปเลี้ยงในบ่อใหม่ ในอัตราความหนาแน่น
6,000 - 8,000 ตัว/ไร่เลี้ยงต่ออีก 2 เดือนก็จะได้กุ้งขนาดใหญ่
ประมาณ 12 - 15 ตัว/กิโลกรัม กุ้งตัวผู้ที่มีลักษณะดีบางส่วนคือ
35