Page 497 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 497

้
               กำแพง ๓ ชั้น เจาะลงไปในพื้นที่เนินเขาที่เป็นลูกรัง ซึ่งเมื่อแห้งกลายเป็นศิลาแลงตำแหน่งของเวียงเจาเงาะอยู่
                                                                                                         ้
               ในบริเวณที่น้ำจากเนินเขาทองและหนองพระแลไหลผ่านคูเวียงทั้งด้านตะวันตก ด้านเหนือและด้านใต
                                                                                                        ิ
               ชักน้ำเข้ามาเลี้ยงชุมชนภายในเมืองทุ่งยั้งก่อนจะระบายออกไปทางตะวันออกและด้านใต้ การมีคูน้ำและดน
               แดงล้อมรอบเวียงเจ้าเงาะนั้น แสดงให้เห็นว่าเวียงเจ้าเงาะคือ เวียงวัง (citadel) ที่มีทั้งพระราชวังและ

               ศูนย์กลางการปกครองอยู่ภายใน ตรงมุมเวียงด้านตะวันออกเฉียงใต้มีทางออกไปยังวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งซึ่งอยู่
               ภายในกำแพงเมืองด้านใต้ของเมืองทุ่งยั้ง
                       พระบรมธาตุทุ่งยั้งเป็นพระสถูปขนาดใหญ่ทรงกลมตั้งอยู่บนฐานสูงสี่เหลี่ยมเช่นเดยวกันกับฐาน
                                                                                              ี
               พระสถูปวัดช้างล้อมกลางเมืองศรีสัชนาลัย องค์ระฆังส่วนบนคงพังลง ในสมัยหลังลงมาจึงได้รับการ
               บูรณปฏิสังขรณ์ให้เป็นเจดีย์ทรงกลมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน พระสถูปทรงกลมบนฐานสูงคล้ายวัดช้างล้อมนี้
               คงเป็นสถูปพระบรมธาตุในสมัยก่อนรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ ๑ อาจย้อนหลังไปร่วมสมัยพ่อขุนรามคำแหง
                 ี่
               ททรงสร้างพระสถูปวัดช้างล้อมที่เมืองศรีสัชนาลัยซึ่งมีการกล่าวถึงในศิลาจารึกหลักที่ ๑ สิ่งที่แตกต่างกัน
               ระหว่าง พระสถูปบรมธาตุครั้งรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ก็คือสมัยรัชกาลนี้ลงมามักสร้างพระสถูปทรง

                                                                                                    ั
               ดอกบัวตูมขึ้นมาแทน ดังเช่นพระสถูปพระบรมธาตุนครชุมที่เมืองกำแพงเพชรซึ่งสร้างขึ้นสมัยที่รัฐสุโขทยขยาย
               พื้นที่ไปยังลุ่มน้ำปิงและลุ่มน้ำป่าสัก ความเป็นมาของเมืองสุโขทัยอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เป็นเมืองท่มี
                                                                                                        ี
                                                                                 ู
               กำแพงเป็นเมืองเกือบทุกด้าน โดยล้อมด้วยตรีบูรคือกำแพง ๓ ชั้น บางเมืองมีค ๔ ชั้นบ้าง ๓ ชั้นบ้าง กำแพง
               เมืองทงยั้งมี ๓ ชั้น เช่น เมืองศรีสัชนาลัย ดังเห็นได้ชัดในขณะนี้ที่บริเวณรอบเวียงเจ้าเงาะ หลังสมัยรัชกาลพระ
                     ุ่
               มหาธรรมราชาที่ ๑ ลงมา มีร่องรอยให้เห็นถึงการขยายเขตเมืองทุ่งยั้งลงสู่ที่ราบลุ่มทางตอนใต้ในบริเวณท ี่
               ต่ำลงมาจาก วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เป็นอาณาบริเวณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้ลำน้ำที่เป็นคูเมืองด้านตะวันออก
                                                                                                        ั
               ของ เมืองทุ่งยั้งเป็นแนวคูเมืองดานตะวันออกไปสู่บริเวณลมตำ การขยายบริเวณเมืองดังกลาวคอการขยายตว
                                                                  ่
                                                                                              ื
                                                               ุ่
                                          ้
                                                                                          ่
                                                                                      ี่
               ของแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวเมือง ซึ่งเพิ่มขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๒๑ อันเป็นเวลาทเมืองทงยั้งเป็นพื้นทยึด
                                                                                            ุ่
                                                                                                       ี่
               ครองของรัฐล้านนาแตสมัยพระเจ้าติโลกราช ผู้เป็นพระมหากษัตริย์คู่สงครามกับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
                                  ่
               แห่งกรุงศรีอยุธยาในเรื่องราวของลิลิตยวนพ่าย

                              ทุ่งยั้ง-บางยาง-สระหลวง
                       ความเป็นเมืองสุโขทัยของเมืองทุ่งยั้งมีสิ่งที่คล้ายกันกับเมืองศรีสัชนาลัยคือตั้งอยู่บนเนินเขา ได้แก่
               เขาทองทางด้านตะวันตก ที่นอกจากเป็นบริเวณที่สูงซึ่งมีน้ำไหลลงมาเลี้ยงเมืองแล้ว ยังมีการใช้ศิลาแลงอันเกิด
               จากดินลูกรังข้างใต้มาทำเป็นอิฐก่อสร้างศาสนสถาน รวมทั้งคูเมือง กำแพงเมือง ศาสนสถานสำคัญของ

                                                                                          ุ่
               เมืองทุ่งยั้งจึงอยู่ในบริเวณทลาดเนินเขาทางดานตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของเมือทงยั้ง ดงเห็นใจจาก
                                                                                                ั
                                                    ้
                                      ี่
               ตำแหน่งวัดสำคัญ เช่น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืน วัดพระนอน และกู่ฤาษี (วัดฤาษีสำราญ) ในการศึกษา
               ราณวัตถุที่พบในบริเวณศาสนสถานเหล่านี้ของอาจารย์มานิต พบว่ามีพระพิมพ์ดินเผาและสำริดสมัยลพบุรีพบ
               ตามกรุเก่าของวัดโบราณในแถบนี้ เช่น พระพิมพ์ที่เรียกว่าพระสาม และที่แปลกกว่าที่อื่น ๆ ก็คือ พระหูยาน
               ขนาดเล็กที่มีแผ่นทองปิดด้านหลัง มีผู้เล่าว่าพบที่กู่ฤาษี อันเป็นส่วนหนึ่งของพระสถูปที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง
               พระพิมพ์แบบหูยานแบบนี้ เป็นอัตลักษณ์ของบรรดาพระพิมพ์ที่พบทเมืองละโว้ แต่มักขนาดใหญ่ ขณะที่พระหู
                                                                        ี่
               ยานที่เมืองทุ่งยั้งเป็นขนาดเล็ก เพราะฉะนั้นเมื่อนำร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานบ้านเมืองตั้งแต่กำแพงเมือง


                                       การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
                                                         หน้า ๑๑
   492   493   494   495   496   497   498   499   500   501   502