Page 499 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 499
คิดว่าเมืองราดอยู่ที่ทุ่งยั้ง และเป็นเมืองที่พ่อขุนผาเมืองกลับไปปกครอง ก็กลายเป็นเมืองภายใต้การปกครอง
ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์แลดูพิกลยิ่งนัก ปัญหาเมืองราดอยู่ที่ไหน จึงกลายเป็นปัญหามาจนทุกวันนี้
ลับแลถึงทุ่งยั้ง
ุ
ั
การศึกษาในเรื่องราวภูมิวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับการตั้งชุมชนถิ่นฐานบ้านเมืองโบราณในเขตแคว้นสโขทย
ของข้าพเจ้า พบว่าพื้นที่ที่ชุมชนบ้านเมืองสองฝั่งลำน้ำน่านซึ่งจมน้ำอยู่ในบริเวณเขื่อนสิริกิติ์นั้น ล้วนเป็น
บ้านเมืองที่อยู่ในวัฒนธรรมล้านนาทั้งสิ้น และตามพื้นที่สูงและที่เนินเขาตามลาดเขาตั้งแต่อำเภอเมืองอุตรดตถ์
ิ
ผ่านทุ่งยั้งไปจนถึงหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย ล้วนเป็นชุมชนบ้านเมืองในเขตอิทธิพลวัฒนธรรมล้านนา
โดยมีชุมชนบ้านเมืองของคนล้านนาที่ยังสืบมาจนปัจจุบันที่เมืองลับแลทางลุ่มน้ำน่าน กับเมืองด้งในลำน้ำยม
เขตอำเภอศรีสัชนาลัย การตั้งถิ่นฐานบ้านเมืองของคนล้านนาในเขตพื้นที่เชิงเขาและลาดเขาระหว่างเขตอำเภอ
ุ่
ศรีสัชนาลัย ในยุคที่เคลื่อนย้ายมาในรัชกาลพระเจ้าติโลกราชนั้น กระจายกันอยู่ในพื้นที่ลาดลมชายเขาทมีเนิน
ี่
เขาเตี้ยที่เรียกว่า ม่อนกระจายอยู่ เป็นที่ตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยบนที่สูง น้ำท่วมไม่ถึงและบางม่อนก็เป็นแหล่ง
ั
ิ์
ี่
ี่
ั้
ที่ตั้งสถานที่ศักดสิทธิ์ รวมทั้งที่อยู่อาศัยของบ้านเมืองและผู้นำชุมชน ดังปรากฏว่าเมืองลบแลทมีทตงของศาล
ั
้
และอนุสาวรีย์เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร และที่เมืองด้งมีศาลเจ้าหมื่นดงนคร เป็นต้น พื้นที่ชายเขาดงกลาวมีแม่น้ำเล็ก
่
ใหญ่จากเขาและเนินเขาไหลลงมาหล่อทุ่งนา ทำให้เกิดการทำนาแบบทดน้ำด้วยการสร้างเหมืองฝายและดำนา
(wet rice cultivation) คล้ายกันกับที่พบทางเขตแคว้นล้านนาทางเหนือ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์ ข้าพเจ้าสรุปได้ว่าเมืองลับแลคือเมืองที่เกิดขึ้นจากการ
ี
เคลื่อนย้ายของคนลานนามาตั้งถิ่นฐานในสมัยสงครามเชยงใหม่-อยุธยาในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ เช่นเดยวกันกับ
ี
้
้
เมืองด้งในเขตอำเภอศรีสัชนาลัยที่สมพันธ์กับเจ้าหมื่นด้งนคร ผู้เป็นแม่ทัพสำคัญของพระเจ้าติโลกราช เขามาต ี
ั
และยึดครองเมืองศรีสัชนาลัยทคนล้านนาเรียกว่า เมืองเชียงชื่น แต่ปัจจุบันคนทั่วไปไม่รู้จักเมืองลบแล และยัง
ั
ี่
เข้าใจผิดว่าคือเมืองศรีพนมมาศที่เป็นชุมชนย่านคนจีนในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีการตั้งขุนนางจีนเป็นเจ้าเมือง
นามว่า พระศรีพนมมาศ ชุมชนย่านตลาดเมืองศรีพนมมาศนี้อยู่ต่ำลงมาจากชุมชนเมืองลับแลเล็กน้อย
ั้
เป็นบริเวณที่อยู่บนลำน้ำแม่พร่องในตำบลแม่พูล ที่ไหลมารวมกับลำน้ำแม่พูลซึ่งมีกำเนิดมาจากน้ำตกแม่พูลทง
๒ ลำน้ำมารวมกันที่ตำบลหัวดง ทำให้เกิดเป็นลำคลองแม่พร่องและชุมชนหัวดงขึ้นในปัจจุบัน ตามลำน้ำแม่
พร่องลงมาทางใต้สู่บริเวณที่เป็นแอ่ง มีที่ราบเนินเขาและม่อนอันเหมาะที่จะทำฝายและดำนา ซึ่งได้กลายเป็นท ี่
อยู่ของชุมชนเมืองลับแล
จากการศึกษาสำรวจข้าพเจ้าเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริเวณชุมชนเมืองลับแลของคนล้านนาที่เคลื่อนลงมาแต ่
พุทธศตวรรษที่ ๒๑ ครั้งสงครามเชยงใหม่-อยุธยานั้น เป็นชุมชนที่มีมาก่อนแลว โดยมีหลักฐานทางโบราณคด ี
ี
้
ั
๒ สมัยแสดงให้เห็นชดคือ สมัยแรก เป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ราว ๒,๐๐๐ ปีลงมา ตำแหน่งสำคญของชมชน
ั
ุ
่
อยู่ที่ปลายเนินเขา ๓ ลูกที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของคลองแม่พร่อง เป็นบริเวณที่เป็นแอ่งที่ลาดลุ่มตำซึ่งมีลำคลอง
แม่พร่อง เป็นบริเวณที่เป็นแอ่งที่ลาดลุ่มต่ำซึ่งมีลำคลองแม่พร่องผ่ากลาง โดยเฉพาะทางซีกซ้ายของที่ลาดลุ่ม
ซึ่งมีเนินเขา ๓ ลูกมาจดทลำคลองแม่พร่อง ซึ่งปัจจุบันมีฝายหลวงแบ่งน้ำและกระจายน้ำไปยังทลาดลมทง ๒
ุ่
ี่
ั้
ี่
ฝั่งของคลองแม่พร่อง อันเป็นแอ่งใหญ่ก่อนจะสู่พื้นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมถึงในบริเวณเมืองทุ่งยั้งที่ตงอยู่ปลายคลองแม่
ั้
พร่อง ลำคลองแม่พร่องไหลผ่ากลางที่ลาดลุ่มของแอ่งลงใต้ มายังบริเวณที่เป็นชุมชนเมืองลับแลมีการสร้าง
การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
หน้า ๑๓