Page 500 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 500

็
                                                                               ี่
               บ้านเรือนทั้งสองฝั่งลำน้ำมาจนถึงเมืองลับแล และการสร้างถิ่นที่อยู่อาศัยในทลาดลุ่มที่มีม่อนเลกใหญ่กระจาย
                                                     ี่
               อยู่ตามชายเขา โดยเฉพาะม่อนใหญ่อันเป็นทตั้งของวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายคือ วัดดอนสัก หลักฐาน
               สมัยก่อนประวัติศาสตร์พบบนยอดเขา ๓ ลูกที่ตรงปลายเนินเขาเป็นวัดม่อนพัฒนาราม และที่ตั้งของอนุสาวรีย์
               เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร และเป็นบริเวณที่มีการสร้างฝายหลวงครั้งรัชกาลที่ ๖ บนยอดเขาลูกแรก พระสงฆ์และ

                                              ิ
               ชาวบ้านพบหลุมฝังศพคนก่อนประวัตศาสตร์ พบเครื่องประดับและเครื่องมือหิน รวมทั้งภาชนะดนเผาอันเป็น
                                                                                               ิ
               ของอุทิศให้กับศพหลายชนิด แต่ที่เตะตาก็คือกำไลหินขัดสีเขียวที่ดสวยงามและทำด้วยหินมีค่า อันแสดงให้รู้ว่า
                                                                      ู
               คนตายน่าจะเป็นผู้มีสถานภาพทางสังคม เพราะศพถูกฝังอยู่บนยอดเขาที่ถูกปรับให้ราบเพื่อเป็นพื้นที่ทาง
               พิธีกรรม พระสงฆ์ที่วัดม่อนพัฒนารามซึ่งเป็นวัดสำคัญของเขาลูกนี้ ได้นำโบราณวัตถุที่พบมาจัดแสดงไว้ใน
               พิพิธภัณฑ์ของวัด และกำลังสร้างพระพุทธรูปใหญ่ขึ้นบนยอดเขา เพื่อเป็นที่เคารพบูชาของคนเมืองลับแล
               ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาโบราณวัตถุที่พบบนยอดเขา รวมทั้งได้สอบถามความรู้เกี่ยวกับแหล่งศักดิ์สิทธิ์บนเขานี้
               จากพระและชาวบ้านทให้ข้อมูลว่า ในความรับรู้ของคนท้องถิ่นนั้น เขาลูกนี้เป็น ๑ ในเขาอีก ๒ เขาทอยู่ถัดไป
                                  ี่
                                                                                                  ี่
                                                        ี่
                                                                                                ิ
               ด้านหลังอีก ๒ ลูก แต่ยังไม่ได้รายละเอียดถึงสิ่งทผู้รู้ในทองถิ่นพบเห็นอะไร และได้อะไรบ้างแตก็ตดใจในเรื่อง
                                                             ้
                                                                                             ่
               เขาศักดิ์สิทธิ์ ๓ ลูกเรียงกันเพราะเป็นความเชื่อในเรื่องภูสามเส้าและหินสามก้อน คล้ายกับพวกลั๊วะทาง
               เชียงใหม่และเชียงราย จากการสำรวจและศึกษาภูมิวัฒนธรรมของเขาทั้ง ๓ ลูกนี้ ที่ตอนปลายเขามีลำน้ำแม่
                                                            ุ่
               พร่องไหลผ่านลงมาสชมชนเมืองลับแล และพื้นที่ราบลมตามเนินเขาฝั่งตะวันตกของลำน้ำแม่พร่องมีเนินดนท ี่
                                                                                                       ิ
                                 ู่
                                  ุ
               เรียกว่า “ม่อนกระจายอยู่” รวมทั้งมีร่องรอยของการสร้างเหมืองฝายเพื่อการทำนาของผู้คน และสร้าง
               ศาสนสถานบนม่อน เช่น ม่อนลับแล ม่อนฟ้าฮ่าม ม่อนดอนสัก แสดงให้เห็นว่าเป็นแหล่งที่มีการอยู่อาศัยมา
               อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัดโบราณที่มีอายุมาแต่สมัยสุโขทัย ครั้งรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ดังเช่นศิลา
               จารึกที่พบวัดเจดีย์คีรีวิหารในเขตเมืองลับแล ที่มีอายุอยู่ในตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ถึงต้นพุทธศตวรรษท  ี่

               ๒๐ ที่ระบุว่ามีการสร้างเจดีย์ วิหารพระพุทธรูป ปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ และการกัลปนาที่ดินให้แก่วัด ทั้งหลาย
               เหล่านี้สื่อให้เห็นว่า บริเวณที่ลาดลุ่มเชิงเขา ๓ ลูกและบรรดาม่อนทั้ง ๒ ฝั่งแม่พร่องในเขตเมืองลับแลเป็น
                                      ่
               ชุมชนเมืองที่มีการพัฒนาตอมาในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๙ โดยเฉพาะพระเจดีย์ประธานของวัดเจดีย์คีรีวิหาร
               นั้นคงเป็นพระสถูปพระธาตุที่สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ในรูปทรงดอกบัวตูม แต่ได้รับการ

                                                                                         ้
               ซ่อมแซมและสร้างเพิ่มเติมภายหลังในสมัยพระเจ้าติโลกราชให้เป็นพระสถูปทรงกลมแบบลานนา เมืองลับแลท ี่
               มีพระสถูปทรงดอกบัวที่วัดเจดีย์คีรีวิหาร คือศูนย์กลางของเมืองลับแลในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ เป็นเมือง
               บริวารของเมืองสระหลวงที่อยู่บนลำน้ำแม่พร่องเดียวกัน อยู่เหนือน้ำประมาณ ๘ กิโลเมตร ทั้ง ๒ เมืองนี้เปนท ี่
                                                                                                       ็
               อยู่ของผู้คนในลุ่มน้ำน่านมาก่อนการเคลื่อนย้ายของคนล้านนาในสมัยพระเจ้าตโลกราชที่เขามายึดครองให้เป็น
                                                                                ิ
                                                                                          ้
               เมืองทุ่งยั้งและเมืองลับแล
                                                                                           ั
                                                                                              ื
                       ยังมีเมืองอีกหนึ่งในลุ่มน้ำน่านที่อยู่ร่วมสมัยกันกับเมืองสระหลวงในยุคต้นของสุโขทยก็คอเมืองฝางริม
               ฝั่งตะวันออกของลำน้ำน่าน เหนือตำบลท่าเสาในเขตตำบลผาจุกอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากเมืองลบแล
                                                                                                      ั
               ๑๕ กิโลเมตรและห่างจากทุ่งยั้งหรือสระหลวง ๒๐ กิโลเมตร นับเป็นเมืองหน้าด่านโดยตรงของรัฐสุโขทย ทใน
                                                                                                       ี่
                                                                                                    ั
                                                                                                 ุ
                                                                                                    ั
                            ั
               ศิลาจารึกสุโขทยกล่าวถึง ร่วมสร้างกับเมืองโบราณริมฝั่งลำน้ำยมในเขตอำเภอวังชิ้น ที่มีศิลาจารึกสโขทยสมัย
               พุทธศตวรรษที่ ๑๙ เมืองนี้เป็นเมืองหน้าด่านคุมเส้นทางคมนาคมที่จะมาจากกลุ่มน้ำวังในเขตจังหวัดลำปาง
               และเส้นทางตามลำน้ำยมลงมาจากเมืองแพร่ เมืองหน้าด่านทั้ง ๒ แห่งคือเมืองฝางและเมืองที่อำเภอวังชิ้นนั้น

                                       การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
                                                         หน้า ๑๔
   495   496   497   498   499   500   501   502   503   504   505