Page 30 - องค์ความรู้ ฉบับตีพิมพ์ จริง Ver1 (1)
P. 30
๑๘
ั
นอกจากนี้ชาวลับแลมักจะน้าข้าวแคบแห้งมาห่อพนกับข้าวเหนียว
ื่
ั
โรยกากหมู หมูหยอง หรือกับข้าวอนๆ ลงไป พนให้เป็นแท่งรับประทานได้
อย่างเอร็ดอร่อย นอกจากรับประทานในรูปของข้าวแคบแห้งแล้ว แผ่นแป้งที่
ไล้สุกสามารถรับประทานสด ได้แก่
“ข้าวพัน” ซึ่งได้จากการใช้แผ่นไม้แบนๆหรือชาวลับแลเรียกว่า
ไม้หลาบ ม้วนแป้งสุกแล้วรูดออก แต่ถ้าใส่ผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เช่น ถั่วงอก
คะน้า กวางตุ้ง กะหล่้าปลี ผักบุ้งยอดขาว หรือผักอนๆ ลงบนแผ่นแป้งสุก
ื่
ปิดฝาไว้สักครู่ เมื่อผักสุก ใช้ไม้หลาบพันแผ่นแป้งเป็นมุมห่อผักไว้ เหมือนกับ
การท้าไข่ยัดไส้
จะเรียกว่า “ข้าวพันผัก” ถ้าใส่ไข่ลงไปตีบนแผ่นแป้งที่เริ่มสุกก่อนใส่ผัก จะ
เรียกว่า “ข้าวพันผักใส่ไข่” ใน
การรับประทานต้องปรุงรสด้วย
ซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศ
ิ้
ซีอว และน้้าจิ้มที่รับประทาน
กับข้าวพนผักซึ่งประกอบด้วย
ั
พริกแห้งป่นปรุงรสด้วยน้้าปลา
น้้าตาล และผักชีพม่าหั่นฝอย
หรือจะโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว กากหมูหรือแคบหมูด้วยก็จะเพมความ
ิ่
อร่อยได้อกทางหนึ่ง นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ชาวลับแลยังคิดค้น
ี
“ก๋วยเตี๋ยวอบ” ที่ดัดแปลงมาจากก๋วยเตี๋ยวน้้าทั่วๆ ไป รูปร่างหน้าตา
่
เหมือนข้าวพนผักและข้าวพนผักใส่ไข่ เพยงแต่ใช้ข้าวแคบแห้งมาท้าให้ออน
ั
ั
ี
ตัวบนปากหม้อดิน แทนการไล้แป้ง แล้วใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงกับเครื่องปรุง
ั
รส ใส่ลูกชิ้นหมูแดงลงไปในข้าวแคบแห้งที่ออนตัว ห่อเหมือนข้าวพนผัก ตัก
่
ใส่จาน แล้วตักน้้าก๋วยเตี๋ยวใส่ เหมือนท้าก๋วยเตี๋ยวน้้าทั่วๆ ไปและยังมี “ข้าว
ี
พันจั๊บ” ซึ่งเป็นอาหารอกชนิดหนึ่งที่ชาวลับแลดัดแปลงมาภายหลัง