Page 28 - เอกสารประกอบการสอน pdf
P. 28
บทที่ 1 กระบวนทัศน์ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17
ึ่
น ามาใช้ในการผลิตให้เป็นลักษณะพงพา ซึ่งมีมาแล้วเกือบ 20 ปี แต่ทุกคนมองข้ามประเด็นนี้ไป ตลอดจน
ได้รับผลจากภายนอกประเทศท าให้ประชาชนหลงลืม และมึนเมาอยู่กับการเป็นนักบริโภคนิยม รับเอาของ
ต่างชาติเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว และรวดเร็วจนท าให้เศรษฐกิจของไทยตกต่ า
การปฏิบัติตนตามแนวทางพอเพียง มีแนวทาง ดังนี้
1. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟมเฟอยในการด ารงชีพอย่าง
ุ่
ื
จริงจัง
2. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องสุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการ
ด ารงชีพก็ตาม
3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กัน
อย่างรุนแรงดังอดีต
4. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลุดพนจากความทุกข์ยากครั้งนี้ โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้
้
ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายส าคัญ
5. ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลงในครั้งนี้
เพราะยังมีบุคคลจ านวนมิใช่น้อยที่ด าเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงเล็งเห็นแล้วว่า
ถ้าประเทศไทยยังอยู่ในสภาวะที่เต็มไปด้วยความนิยมทางวัตถุ ประชากรด ารงชีวิตภายใต้ระบบทุนนิยม
ประเทศจะไม่สามารถอยู่รอดได้ จึงทรงคิดค้นทฤษฏีใหม่ คือ ทฤษฎี “เศรษฐกิจพอเพยง” เพอให้การ
ี
ื่
ด ารงชีวิตของคนไทยทุกระดับมีความมั่นคงยืนอยู่บนขาตัวเอง บนพื้นฐานความพอประมาณ ความมีเหตุผล
เป็นการสร้างระบบภูมิคุ้มกน เมื่อมีสิ่งเข้ามากระทบทั้งภายในและภายนอก โดยอาศัยความรอบรู้รอบคอบ
ั
และระมัดระวังอย่างยิ่งในการน าวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนในการด าเนินงานทุกขั้นตอน และ
จะต้องเสริมสร้างพนฐานของจิตใจให้ทุกคนมีส านึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งที่เป็นหนทางที่จะ
ื้
ท าให้เกิดการพฒนาอย่างยั่งยืน ความส าเร็จจะเกิดขึ้นได้เมื่อคนในชาติมีมโนส านึกอยู่ในศีลธรรม คุณธรรม
ั
และจริยธรรมที่ดีงาม คนจะต้องลดเลิกละจากกิเลสตัณหา มีสติปัญญาที่คิดเห็นไตร่ตรองเหตุผลแยกแยะ
ชั่วดี มนุษย์ก็จะอยู่อย่างไม่เบียดเบียนธรรมชาติ สรรพสิ่งในโลกและมนุษย์ด้วยกัน ทุกสิ่งก็จะอยู่กันอย่าง
เกื้อกูลสังคมก็จะสงบสุข
2) การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวคิดเชิงพุทธศาสตร์
ั
แนวคิดของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ ปยุตโต, 2539, หน้า 58-59) กล่าวว่า หัวใจของการพฒนา
ที่ยั่งยืนนั้น ประกอบด้วยค าศัพท์ที่น ามาจับคู่กัน 2 คู่ คือการพฒนา (Development) กับสิ่งแวดล้อม
ั
(Environment) และเศรษฐกิจ (Economy) กับนิเวศวิทย์ (Ecology) โดยเห็นว่าควรให้ความเจริญ
ทางเศรษฐกิจอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม หมายความว่า ต้องให้การพฒนาหรือ
ั
ความเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นอยู่ในภาวะที่สิ่งแวดล้อมรองรับไหวด้วย หรือว่าเจริญไปโดยไม่รังแกธรรมชาติ
ั
การพฒนาที่ยั่งยืนนี้มีลักษณะเป็นการพฒนาที่เป็นบูรณาการ (Integrated) คือ ท าให้เกิดเป็นองค์รวม
ั
(Holistic) หมายความว่า องค์ประกอบทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะต้องมาประสานกันครบองค์ และมีลักษณะ
อีกอย่างหนึ่งคือมีดุลยภาพ (Balanced) (ประยุทธ ปยุตโต, 2539, หน้า 62-63)
ส าหรับการจะพฒนาให้ส าเร็จได้นั้น พระธรรมปิฎกเห็นว่าคนต้องมีจริยธรรม เนื่องจากปัจจุบัน
ั
มนุษย์มีนิสัยที่เป็นสังคมบริโภค ประสบกับปัญหาสังคมและชีวิตจิตใจ จนกระทั่งเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้น
จึงต้องน าเอาจริยธรรมมาช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยการพฒนาให้คนมีจริยธรรมนั้น จะส าเร็จได้ด้วย
ั
การศึกษา อย่างน้อยจะต้องรู้เท่าทันปัญหาเมื่อพฒนาคนขึ้นไปแล้วจึงจะเกิดจริยธรรมที่แท้จริง คือเป็น
ั