Page 8 - การถอดบทเรียนการทำงานA4
P. 8

ุ
                                                                                                     ี
                                                                                                    ้
               ยากที่จะประสบผลสำเร็จเช่นเดิม จึงเป็นแรงผลักดันให้นักสร้างเสริมสขภาวะต้องกลายเป็นผูเรยนร   ้ ู
               ตลอดชีวิตไปโดยปริยาย และหากต้องไปทำงานสร้างเสริมสุขภาวะกับประชากรกลุ่มเฉพาะ ได้แก่
                                                                                                ื
               กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้หญิง มุสลิม ผู้มีปัญหาสถานะบุคคลและแรงงานข้ามชาติ คนพิการ หรอผู้ต้องขัง
                                                                                                        ุ
               หญิง รวมทั้งกลุ่ม LGBT ซึ่งมีทัศนะด้านลบของคนในสังคมเป็นโครงสร้างกดทับทำให้ปัญหาสข
                                                                                                        ู
               ภาวะของกลุ่มคนเปราะบางดังกล่าวเพิ่มระดับความรุนแรงและความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นเป็นทวีคณ
               โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มประชากรทั่วไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีความจำเป็นรวมทั้งต้องการความรู้เฉพาะ
                                                          ิ
                                                    ้
                                                             ุ
               ประเด็นเฉพาะพื้นที่นั้นๆในการทำงานสรางเสรมสขภาวะมากขึ้น
                       สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพได้ตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นของ
               พลังทางปัญญาต่อการแก้ปัญหาทางสุขภาวะทียากและซับซ้อนอย่างสร้างสรรค์สำหรับสังคมไทย
                                                           ่
                              ุ
                                                   ุ
                                              ่
               จึงกำหนดเป็นยทธศาสตรหลกหนึงในยทธศาสตร์ “สานสามพลัง” ของสสส. รวมถึงกำหนดให้การ
                                          ั
                                       ์
               พัฒนาศักยภาพบุคลคล องค์กรและชุมชนท้องถิ่นเป็นยุทธศาสตร์เฉพาะไว้ในแผนหลักสสส. 3ปี
                                                                                                        ั
               (พ.ศ. 2561-2563) (สสส. ม.ป.ป.ข: 17-18) และได้ถ่ายทอดลงไปสู่ยุทธศาสตร์ของแผนหลก
                                                            ุ
                                                            ่
               ต่างๆ ตัวอย่างเช่น แผนสุขภาวะประชากรกลมเฉพาะ 3 ปี (พ.ศ. 2561-2563)กำหนดให้มี
               ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพภาคีและกลไกภาคประชาสังคม เพื่อเสริมพลังภาคีในระดับบุคคล
               องค์กร การพัฒนาศักยภาพผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อให้มีศักยภาพ ขีดความสามารถในการจัดการตนเอง
               และการทำางานเชิงรุกเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาวะในประชากรกลุ่มเฉพาะ รวมถึงการ

               หนุนเสริมพลังเครือข่ายภาคี การพัฒนาระบบ กลไก และสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนในการเสริมพลง
                                                                                                        ั
                                                         ุ
                                                                              ุ
                                                                              ่
               เครือข่ายที่ทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสขภาวะของประชากรกลมเฉพาะ(สสส. ม.ป.ป.ข: 113-
               114) ขณะที่สำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ (สภส.) มีการวิเคราะห์ถึงความต้องการ
               หนุนเสริมด้านการพัฒนศักยภาพของภาคีเครือข่ายได้ข้อสรุปว่า สมรรถหลักที่จำเป็นต่อการ
                      ่
                                                                  ้
                 ั
               ขบเคลือนการสร้างเสริมสุขภาพตามแนวทางของสสส.นัน (ThaiHealth Coe Competencies) ควร
               ประกอบด้วยสมรรถหลัก 5 กลุ่มและมีสมรรถนะเสริม 2 กลุ่มโดย 1 ในกลุ่มยอยของสมรรถนะ
                                                                                          ่
                                                  ุ
               เสริมก็คือ การจัดการความรู้ด้านสขภาวะ (Knowledge Management in Health Promotion)
               (ภรณี วัฒนสมบูรณ์และคณะ, 2562: 2-3)
                       ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) ถูกพิสูจน์ซ้ำ
                                                                   ุ
               แล้วซ้ำเล่าว่า เป็นเครื่องมือสำคัญที่เอื้อให้นักสรางเสรมสขภาวะสามารถพฒนาทักษะเพอการเรยนร   ้ ู
                                                                                                      ี
                                                                                  ั
                                                                                               ่
                                                           ้
                                                                                               ื
                                                                ิ
               ตลอดชีวิตได้ไม่ยากนัก ด้วยการจัดการความรู้ เป็นการสร้างและจัดกระบวนการให้ได้ความรู้ที      ่
               ถูกต้องเหมาะสมไหลไปยังบุคคลที่ถูกต้อง (right person) ณ เวลาที่เหมาะสม (right time) ทำให้
               บุคคลแลกเปลี่ยนสารสนเทศและนำไปใชเพื่อเพิ่มการบรรลุผลสำเร็จ (performance) ขององค์กร/
                                                     ้
               งาน การจัดการความรู้ก็เช่นเดียวกับเครื่องมือทางสังคมอื่นๆ ที่มีลักษณะสำคัญคือไม่หยุดนิ่ง
                                                            ั
               ตายตัว มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามพลวตของสังคม ดังนี้ (วิจารณ์ พานิช, 2559: 1-9)








                                                                            ่
                                                                                    ั
                           คู่มือการถอดบทเรียนการทำงาน (Lessons Distilled) โดยประภาพรรณ อุนอบและณภทร ประภาสุชาติ
                                                                                                        3
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13