Page 74 - 2557 เล่ม 1
P. 74
๗๔
ของจําเลยที่ ๕ ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๐๘๘/๒๕๕๓ ของ
ศาลชั้นต้น ส่วนที่ขอให้นับโทษของจําเลยที่ ๒ ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๓๘๗/๒๕๕๔ ของศาลชั้นต้น คดีดังกล่าวมีคําพิพากษายกฟ้อง จึงให้ยกคําขอส่วนนี้
และข้อหาอื่นให้ยก
จําเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไป
เพื่อการอนาจาร จําเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว
เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจําคุก ๖ ปี ๘ เดือน รวมกับโทษจําคุก
ฐานอื่นตามคําพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจําคุก ๓๙ ปี ๑๒ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไป
ตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น
จําเลยที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปงญหาต้องวินิจฉัยตามที่จําเลยที่ ๕ ฎีกาอ้างประการเดียวว่า
มีเหตุสมควรลดโทษจําคุกตลอดชีวิตแก่จําเลยที่ ๕ หรือไม่ โดยจําเลยที่ ๕ อ้างว่า
ขณะเกิดเหตุจําเลยที่ ๕ มิได้มีเจตนาจะทําร้ายผู้เสียหายที่ ๑ ให้ได้รับอันตรายถึงชีวิต
เพื่อปกปิดความผิดแต่ประการใด โดยผู้เสียหายที่ ๑ ยังคงเดินออกจากที่เกิดเหตุ
ไปพบนางสาวชัญญาหรือยีนส์ ญาติของผู้เสียหายที่ ๑ สามารถบอกและชี้ตัวบุคคล
ผู้ทําร้ายผู้เสียหายที่ ๑ ได้ แสดงว่าผู้เสียหายที่ ๑ ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ประการใดนั้น เห็นว่า พฤติกรรมในการกระทําความผิดของจําเลยที่ ๕ กับพวก
ตามที่ได้ความนั้นถือเป็นการทําร้ายผู้เสียหายที่ ๑ อย่างร้ายแรง ผู้เสียหายที่ ๑
ต้องได้รับอันตรายกระทบกระเทือนต่อร่างกายและจิตใจอย่างยิ่ง พฤติการณ์มิใช่
เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายที่ ๑ ได้รับอันตรายธรรมดาดังที่จําเลยที่ ๕ อ้าง ที่ศาลอุทธรณ์
พิพากษาลงโทษจําเลยที่ ๕ มานั้น เหมาะสมกับความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุ
ที่ศาลฎีกาจะลดโทษให้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ฎีกาของจําเลยที่ ๕ ฟงงไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจําคุกจําเลยที่ ๒ ตลอดชีวิต และจําเลยที่ ๒
มิได้อุทธรณ์ จึงเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นต้องส่งสํานวนคดีนี้ไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อ