Page 77 - 2557 เล่ม 1
P. 77
๗๗
พิจารณาว่าจ าเลยใช่คนร้ายหรือไม่ กรณีที่ไม่พบน้ าอสุจิในอวัยวะเพศของ
ผู้เสียหายที่ ๑ ก็ไม่ใช่ข้อสรุปว่าไม่มีการกระท าช าเราผู้เสียหายที่ ๑ เพราะ
อาจมีการหลั่งน้ าอสุจินอกอวัยวะเพศก็ได้ เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์มี
น้ าหนักให้รับฟังได้
______________________
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจําเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๙๒,
๒๗๗, ๓๑๗ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ มาตรา ๒๖, ๗๘ เพิ่มโทษ
จําเลยตามกฎหมาย
จําเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจําเลยในคดีที่โจทก์
ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๗๗ วรรคสาม, ๓๑๗ วรรคท้าย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖
มาตรา ๒๖ (ที่ถูกมาตรา ๒๖ (๑)), ๗๘ การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
ฐานกระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีและฐานกระทําการอันเป็นการทารุณกรรม
ต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก เป็นการกระทํากรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษฐานกระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จําคุก ๘ ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจาร จําคุก ๖ ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๒ ฐานกระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี จําคุกกระทงละ ๑๐ ปี ๘ เดือน
รวม ๒ กระทง จําคุก ๒๐ ปี ๑๖ เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าไปเสียจากบิดา เพื่อ
การอนาจาร จําคุกกระทงละ ๘ ปี รวม ๒ กระทง จําคุก ๑๖ ปี รวมจําคุก ๓๖ ปี ๑๖ เดือน
จําเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ ให้ยก
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น