Page 267 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 267
๒๕๔
เดิมประเทศแคนนา มีกฎหมายส าหรับเด็กที่กระท าผิดที่เรียกว่า Young Offender’s Act (YOA)
บังคับใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ ถึง ปี ๒๕๔๖ แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะให้ความส าคัญกับการเข้าใจถึงความ
ต้องการของเด็กที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเบี่ยงเบน (Deviancy) แต่กฎหมายก็ไม่ได้แสดงออกถึงความ
ชัดเจนในวัตถุประสงค์และปรัชญาของความยุติธรรมที่จะช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรม
ส าหรับเด็ก (Youth Justice Practitioners) ผลเสียที่ติดตามมาจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวก็คือ
ิ
ระบบของกระบวนการยุติธรรมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแยกแยะพจารณาว่าความผิดประเภทใดเป็น
ความผิดร้ายแรง หรือเป็นความผิดเล็กน้อย (Serious and minor offences) ข้อบกพร่องดังกล่าว
ิ
ิ
ส่งผลมาถึงศาลเยาวชนที่ต้องรับภาระในการพจารณาพพากษาคดีในความผิดเล็กน้อย และรวมถึงการ
พิพากษาคดีในทางปฏิบัติที่มีทั้งความไม่แน่นอนและไม่มความเป็นธรรม และนอกจากนี้ยังส่งผลให้มีเด็ก
ี
ถูกคุมขังเป็นจ านวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท าให้ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ มีเด็กถูกตัดสิน
คุมขังมากกว่าการคุมขังผู้ใหญ่ถึงสี่เท่า ส่งผลให้ประเทศแคนนาดามีจ านวนของเด็กถูกคุมขัง
(Incarceration rate) สูงที่สุดในโลก และที่ส าคัญสุดคือจ านวนถึงร้อยละ ๘๐ ถูกคุมขังจากการกระท า
ความผิดไม่รุนแรง มีนักวิชาการหลายท่านออกมากล่าวว่า กระบวนการดังกล่าวก าลังสร้างเด็กที่มี
ึ้
โอกาสจะกระท าความผิดในอนาคตมากขนเนื่องจากเด็กเหล่านี้สามารถเรียนรู้ทัศนคติและเทคนิคต่าง ๆ
จากผู้กระท าความผิดร้ายแรง และยังท าให้ศาลเยาวชนต้องสูญเสียงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
และกระบวนการที่ต้องน าตัวเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางศาลอย่างเป็นทางการย่อมส่งผล
กระทบทางลบติดตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างตราบาป รอยมลทินให้แก่เด็กและก่อให้เกิดอตรา
ั
การกระท าควาผิดซ้ ามากยิ่งขึ้น ประเทศแคนนาดาจึงประกาศใช้กฎหมาย The Youth Criminal
Justice Act แทนกฎหมายฉบับเดิมเพื่อแกไขปัญญาข้างต้น ดังนั้น เพอท าความเข้าใจถึงกระบวนการ
้
๒๙
ื่
และขั้นตอนในการด าเนินคดีกับเด็กและเยาวชนในประเทศแคนนาดาในปัจจุบัน ผู้เขียนขอน าแผนผัง
ิ
ของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นในชั้นเจ้าพนักงานต ารวจจนถึงขั้นตอนศาลมีค าพพากษามาแสดงดังนี้
๒๙ Kanika Samuels, Examining the Utility of Pre-Charge Youth Diversion Programs: A
Canadian Context, p 3