Page 905 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 905

๘๙๓


                  ดุลพินิจเป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ควรไปยึดติดกับกรณีว่าจ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนหรือไม่ แล้วไม่อนุญาตให้
                  ปล่อยชั่วคราว


                         โดยสรุปแล้วในทางปฏิบัติ ศาลสามารถปล่อยชั่วคราวได้แม้จ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน
                                                                                                    ๒๗

                         ท่านวิบูลย์ ธรรมมะ ผู้พพากษาศาลอทธรณ์ภาค ๔ เห็นว่า ต้นธารส าคัญที่ศาลต้องยึดถือในการ
                                             ิ
                                                         ุ
                                                                  ุ
                                                                                                   ิ
                  วินิจฉัยว่า จ าเลยควรได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างอทธรณ์หรือไม่นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพจารณา
                                                                   ึ
                  ความอาญา มาตรา ๑๐๗ บัญญัติว่า “จ าเลยทุกคนพงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” ซึ่งเป็น
                  มาตรฐานสากลที่นานาประเทศยอมรับ ดังนั้น ในคดีอาญาที่จ าเลยให้การรับสารภาพแล้ว ศาลชั้นต้น

                  พิพากษาจ าคุกสถานเดียวโดยไม่สืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖

                  วรรคหนึ่ง แม้ว่าคดีลักษณะดังกล่าวจะปรากฏว่าจ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนแล้วก็ตาม แต่การที่ศาล
                  จะสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นอทธรณ์โดยมีข้อต าหนิภายในความรู้สึกว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุก
                                                   ุ
                  มาก่อนน่าจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์กฎหมายข้างต้น นอกจากนี้การวินิจฉัยค าร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว

                  ไม่ว่าในศาลชั้นใดก็ตามกฎหมายบัญญัติให้ค านึงว่าจ าเลยจะหลบหนีหรือไม่ตาม ตามประมวลกฎหมาย

                  วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ ( ๕ ) และมีเหตุเชื่อว่าจ าเลยจะหลบหนีหรือไม่ ตามประมวลกฎหมาย
                  วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ / ๑ เป็นส าคัญ หากจ าเลยไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีเสียแล้ว

                  ก็สมควรจะได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างอทธรณ์ มิได้เน้นหนักถึงประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย
                                                         ุ
                                                                           ิ
                  โดยวิเคราะห์ล่วงหน้าว่า คดีลักษณะเช่นนี้ศาลสูงมีแนวโน้มจะพพากษาจ าคุกโดยไม่รอการลงโทษ
                  นอกจากนี้ หลักกฎหมายเกี่ยวกับการรอการลงโทษหรือรอการก าหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
                  มาตรา ๕๖ กรณีที่จ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนได้วางหลักเกณฑ์ใหม่แล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าว การ

                                                                ุ
                  อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอทธรณ์เกี่ยวกับคดีอาญาลักษณะข้างต้น ควรให้
                  ความส าคัญว่าจ าเลยมีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีการด าเนินคดีอาญาในรูปแบบ

                  กระบวนการนิติธรรม (The due process model) ที่ให้ความส าคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของจ าเลย
                                                                                      ๒๘
                  ทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความเป็นธรรมถูกต้องตามกฎหมาย


                  ๗ วิเคราะห สรุป และข้อเสนอแนะ
                            ์
                         สถิติในการพิจารณาสั่งค าร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พบว่าในปี ๒๕๖๒ มีการ

                  ยื่นค าร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ๕๙๘ คดี เป็นคดีที่จ าเลยเคยถูกต้องโทษจ าคุกมาก่อน ๔๐ คดี ศาลอทธรณ์
                                                                                                    ุ
                  ภาค ๔ มีค าสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ๒๖ คดี ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ๑๔ คดี






                         ๒๗  เลิศชาย สุวพงษ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔ สัมภาษณ์วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔
                         ๒๘  วิบูลย์ ธรรมมะ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔ สัมภาษณ์วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๔
   900   901   902   903   904   905   906   907   908   909   910