Page 109 - รายงานประจำปี 2564 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 109
เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ นำความในมาตรานี้ใช้บังคับกับกรณีที่ศาลเห็นเอง
วินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ปัญหาที่ต้อง ก่อนมีคำพิพากษาโดยอนุโลม เมื่อคดีนี้ ข้อเท็จจริง
พิจารณา ประการแรกว่า การเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัด
วินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลชอบด้วย มหาสารคาม ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ระบุว่า
พระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ ก่อนเริ่มสืบพยาน โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่
ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่งและ ฟ้องคดีได้แถลงต่อศาลว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณา
วรรคสาม หรือไม่ พิพากษาของศาลปกครอง ขอให้ศาลจังหวัดมหาสารคาม
คณะกรรมการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวว่า ส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณา ดังนั้น การเริ่ม
การโต้แย้งเขตอำนาจศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วย กระบวนการโต้แย้งเขตอำนาจศาลในคดีนี้จึงมิใช่จำเลย
การวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องตามนัยพระราชบัญญัติว่าด้วย
มี ๒ กรณี ได้แก่ กรณีที่คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องเห็นว่า การวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
คดีดังกล่าวอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่งตาม มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิโต้แย้ง
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้ “คู่ความฝ่ายที่ เขตอำนาจศาล และแม้จำเลยทั้งสองจะแถลงโดย
ถูกฟ้องยื่นคำร้องต่อศาลที่รับฟ้องก่อนวันสืบพยาน เห็นพ้องกับโจทก์ทั้งสองว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจ
สำหรับศาลยุติธรรมหรือศาลทหาร หรือภายในกำหนด ของศาลปกครอง แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองซึ่งเป็น
ระยะเวลายื่นคำให้การหรือก่อนพ้นระยะเวลาที่ศาล คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องได้ยื่นคำร้องเป็นหนังสือโต้แย้ง
อนุญาตให้ยื่นคำให้การเป็นอย่างช้า สำหรับศาลปกครอง เขตอำนาจศาลยุติธรรมต่อศาลจังหวัดมหาสารคาม กรณ ี
หรือศาลอื่น ในการนี้ ศาลที่รับฟ้องอาจรอการพิจารณา จึงไม่เป็นไปตามรูปแบบและเงื่อนไขที่พระราชบัญญัติ
ไว้ชั่วคราวก็ได้ และให้จัดทำความเห็นส่งไปให้ศาล ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่คู่ความร้องว่าคดีนั้นอยู่ในเขตอำนาจโดยเร็ว...” พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ประกอบข้อบังคับ
กับกรณีที่ศาลเห็นเองว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ศาลตน ตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม ซึ่งบัญญัติให้ ว่าด้วยวิธีการเสนอเรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัย
ในคำให้การว่า เป็นคดีปกครองอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ศาลจังหวัดจัดทำความเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของตนแล้วส่งให้ศาลปกครอง
จัดทำความเห็นเกี่ยวกับอำนาจศาล เมื่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง
กำหนดว่า หากคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องเห็นว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่งก็จะต้องยื่นคำร้องก่อนวันสืบพยานของศาลยุติธรรม การโต้แย้ง
อำนาจศาลจึงต้องทำเป็นคำร้อง แต่การโต้แย้งของจำเลยไว้ในคำให้การจึงเป็นเพียงข้อต่อสู้คดีเท่านั้น ไม่ได้จัดทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาล
เป็นการเฉพาะ จึงเป็นการโต้แย้งอำนาจศาลที่ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติดังกล่าว ส่วนในกรณีที่ศาลเห็นเองเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลนั้น
ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา ๑๐ วรรคสาม ให้ใช้ความตามมาตรา ๑๐ บังคับกับกรณีที่ศาลเห็นเองโดยอนุโลมซึ่งจะต้องเป็นกรณี
ที่ศาลเห็นเองว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลอื่น มิใช่เห็นว่าอยู่ในอำนาจของศาลตน เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณา
ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งมิใช่กรณีที่ศาลเห็นเองว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลอื่น จึงถือไม่ได้ว่ามีการขัดแย้งกันเกี่ยวกับอำนาจศาล กรณี
ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่งและวรรคสาม
ให้จำหน่ายเรื่องออกจากสารบบความ
ร า ย ง า น ป ร ะ จ ำ ปี ๒ ๕ ๖ ๔ 107
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล