Page 107 - รายงานประจำปี 2564 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 107
พิพากษาให้เพิกถอนทางสาธารณประโยชน์ที่พิพาท และในส่วนข้อหาที่สองฟ้องว่า เจ้าพนักงานที่ดิน
และให้ทางสาธารณประโยชน์ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ จังหวัดมหาสารคามซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามประมวล
ของโจทก์ทั้งสอง รวมทั้งห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้อง กฎหมายที่ดินได้ดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน
กับที่ดินพิพาท และให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหาย ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แบบ น.ส. ๓ ก.
ก่อนเริ่มสืบพยาน ปรากฏตามรายงาน และออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก
กระบวนพิจารณาของศาลยุติธรรม ฝ่ายโจทก์แถลงว่า ได้ทำการกันที่ดินบริเวณที่พิพาทไว้เป็นทาง
ตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องนั้น เป็นกรณีที่กรมที่ดิน สาธารณประโยชน์โดยโจทก์ทั้งสองไม่ยินยอม
จำเลยที่ ๒ กำหนดทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนทางสาธารณประโยชน ์
โดยไม่ชอบ จึงทำให้จำเลยที่ ๑ เข้าใช้ประโยชน์บริเวณ ที่พิพาท และให้ทางที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ
ทางพิพาทก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสอง เห็นว่า แม้ว่าคำฟ้องในข้อหานี้โจทก์ทั้งสอง
ดังนั้น คำสั่งที่กำหนดทางพิพาทในคดีนี้ จึงเป็นคำสั่ง จะกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
ทางปกครองอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ขอให้ศาล ได้ดำเนินการรังวัดแบ่งแยก น.ส. ๓ ก. และ
ส่งให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับคำสั่งทางปกครอง ออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม
ศาลยุติธรรมสอบถามจำเลยทั้งสองแล้วแถลงว่า แต่เมื่อโจทก์ทั้งสองมีคำขอให้เพิกถอนทางที่พิพาท
คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าพนักงาน และให้ทางดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสอง
ที่ดินและกรมที่ดิน จึงอยู่ในอำนาจของศาลปกครอง วัตถุประสงค์หลักของการฟ้องคดีในข้อหานี้จึงเป็น
เช่นกัน การขอให้โจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ศาลจังหวัดมหาสารคามจึงจัดทำความเห็นว่า บริเวณทางที่พิพาท จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสอง
คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ โต้แย้งสิทธิในที่ดินบริเวณทางที่พิพาทเป็นสำคัญ
กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ ข้อพิพาทในข้อหานี้จึงเป็นข้อพิพาทในทางแพ่ง
วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง เช่นกัน คดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงาน
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อยู่ในอำนาจ ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ
พิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง จากนั้นได้ส่ง โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)
ความเห็นไปยังสำนักงานศาลปกครอง เพื่อให้ส่งเรื่อง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
ให้ศาลปกครองที่อยู่ในเขตอำนาจทำความเห็น วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงอยู่
ศาลปกครองขอนแก่นพิจารณาแล้วเห็นว่า ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
คดีนี้โจทก์ทั้งสองได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมเป็น ศาลปกครองมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในคดีนี้ว่า
สองข้อหา โดยในส่วนของข้อหาแรกฟ้องขอให้ศาล โดยที่มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ
มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหาย ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
เป็นรายเดือนนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติว่า ในกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาลใด
จำเลยที่ ๑ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางพิพาท ข้อพิพาทดังกล่าว ถ้าคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องเห็นว่าคดีดังกล่าวอยู่ใน
จึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดระหว่าง เขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาล
เอกชนกับเอกชน อันเป็นข้อพิพาทในทางแพ่งโดยแท้ ที่รับฟ้องก่อนวันสืบพยานสำหรับศาลยุติธรรมหรือ
ร า ย ง า น ป ร ะ จ ำ ปี ๒ ๕ ๖ ๔ 105
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล