Page 22 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 22
18
อันหมายถึงเจ้าหนี้ยอมรับช าระหนี้สิ้นเชิงโดยมิได้มีการบอกสงวนสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับแล้ว ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอา
เบี้ยปรับ แต่ในข้อพิพาทนี้ ผู้คัดค้านที่ ๒ มิได้ก่อสร้างงานที่รับจ้างจนเสร็จสิ้นตามสัญญา ผู้เรียกร้องจึงมีสิทธิเรียกเอาเบี้ย
ปรับได้โดยหาต้องสงวนสิทธิในการเรียกเบี้ยปรับไว้ก่อนไม่ ส่วนที่ผู้คัดค้านที่ ๒ อ้างว่า ผู้เรียกร้องได้แสดงออกที่ไม่ถือเอา
ก าหนดเวลาเป็นสาระส าคัญ และยินยอมให้ผ่อนผันระยะเวลาการส่งมอบงาน ผู้เรียกร้องจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับนั้น
ทางน าสืบของคู่พิพาททั้งสองฝ่ายไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้ออ้างของผู้คัดค้านที่ ๒ นี้จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่ผู้คัดค้านที่ ๒ อ้างว่า ผู้เรียกร้องน าผู้รับจ้างรายอื่นเข้ามาท างานในสถานที่ก่อสร้าง
และผู้เรียกร้องปรับเปลี่ยนแบบและวัสดุก่อสร้างบ่อยครั้ง ท าให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ท างานล่าช้า อันเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านที่ ๒
ไม่ต้องรับผิดชอบในความล่าช้านั้น เห็นว่า ข้ออ้างของผู้คัดค้านที่ ๒ ที่ว่า ผู้เรียกร้องน าผู้รับจ้างรายอื่นเข้ามาท างาน
ในสถานที่ก่อสร้าง ท าให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ท างานล่าช้านั้น ทางน าสืบของผู้คัดค้านไม่ปรากฏว่าผู้เรียกร้องน าผู้ใดที่เป็น
ผู้รับจ้างรายอื่นมาท างานใด เมื่อใด อันเป็นเหตุท าให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ท างานล่าช้าอย่างไร เป็นข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย
จึงรับฟังไม่ได้ ส่วนการปรับเปลี่ยนแบบและวัสดุก่อสร้างของผู้เรียกร้องนั้น ผู้คัดค้านที่ ๒ ได้มีหนังสือลงวันที่๒๔
มิถุนายน ๒๕๕๘ ถึงผู้ควบคุมงานและผู้เรียกร้องว่า เนื่องจากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบและวัสดุจากแบบเดิมท าให้
ต้องรอสรุปงานต่าง ๆ จึงขอขยายระยะเวลางานก่อสร้างจากเดิมแล้วเสร็จวันที่๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ เป็นวันที่ ๑๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่ง ข. สถาปนิก ผู้ควบคุมการก่อสร้างของผู้เรียกร้องให้การรับว่า ผู้เรียกร้องได้อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ ๒
ขยายระยะเวลาก่อสร้างตามเอกสารดังกล่าวจริงผู้คัดค้านที่ ๒ จึงได้ชื่อว่าผิดนัดอันจะต้องเสียเบี้ยปรับนับแต่วันที่ ๑๕
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ อันเป็นวันที่ผู้เรียกร้องบอกเลิกสัญญาพิพาท ปัญหามีว่า เบี้ยปรับวัน
ละ ๒,๐๐๐ บาท สูงเกินส่วนหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ถ้าเบี้ยปรับ
ที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจ านวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ท่านให้พิเคราะห์ถึง
ทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน เมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว
สิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไป” แม้ผู้เรียกร้องจะมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายจ านวน ๑,๖๑๙,๗๐๐ บาท ดังที่ได้
วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว แต่การผิดสัญญาของผู้คัดค้านที่ ๒ ท าให้ผู้เรียกร้องได้อยู่อาศัยในบ้านที่จ้างก่อสร้างล่าช้า
ไป ประกอบกับบิดามารดาของผู้เรียกร้องถึงกับร้องไห้ที่สู้อุตส่าห์เก็บเงินเก็บทองมาสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย แต่ก็ไม่ได้อยู่
ตามที่คาดหวังไว้ อันเป็นความเสียหายทางด้านจิตใจ แม้มิใช่ทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน ก็ต้องน ามาประกอบการ
ก าหนดเบี้ยปรับในจ านวนพอสมควรตามมาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง จึงเห็นสมควรก าหนดเบี้ยปรับให้วันละ ๑,๐๐๐ บาท
ผู้เรียกร้องมีสิทธิปรับ ๖๗ วัน รวมเป็นเงินค่าปรับ ๖๗,๐๐๐ บาท รวมกับค่าเสียหายอีก ๑,๖๑๙,๗๐๐ บาท เป็นเงิน
๑,๖๘๖,๗๐๐ บาท ที่ผู้คัดค้านที่ ๒ ต้องชดใช้ให้แก่ผู้เรียกร้อง พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ส่วนประเด็นพิพำทข้อที่ ๓ “ผู้คัดค้านที่ ๑ ต้องร่วมรับผิดกับผู้คัดค้านที่ ๒ หรือไม่” เห็นว่าตามสัญญา
พิพาทระบุชัดเจนในข้อ ๑. ว่า “ข้อ ๑.๑ ผู้ว่าจ้าง หมายถึง ญ. ข้อ ๑.๒ ผู้รับจ้าง หมายถึง อ.” โดยมิได้ระบุว่า อ. ท าแทนบริษัท
บ. ผู้คัดค้านที่ ๑ จึงหมายถึงว่า อ. ผู้คัดค้านที่ ๒ ท าสัญญาพิพาทเป็นผู้รับจ้างเป็นส่วนตัว แม้ในตอนต้นของสัญญาพิพาท
จะระบุชื่อคู่สัญญาว่า อ. กรรมการผู้มีอ านาจท าการแทน บริษัท บ. และที่ตั้งของส านักงานบริษัทด้วย แต่เป็นการพูดถึงว่า
อ. มีต าแหน่งเป็นกรรมการผู้มีอ านาจท าการแทนบริษัทผู้คัดค้านที่ ๑ เท่านั้น หาใช่เป็นการกล่าวว่า อ. ผู้คัดค้านที่ ๒
เป็นผู้ท าสัญญาพิพาทแทนบริษัท บ. ผู้คัดค้านที่ ๑ ด้วยไม่ โดยเฉพาะตามหนังสือรับรองของส านักงานทะเบียนหุ้นส่วน
บริษัทระบุไว้ในข้อ ๓. ว่า อ. กรรมการมีอ านาจลงชื่อแทน แต่จะต้องประทับตราส าคัญของบริษัทด้วยจึงจะผูกพันบริษัท
เมื่อสัญญาพิพาทมีแต่ อ. ลงชื่อในฐานะผู้รับจ้างเท่านั้น หาได้มีการประทับตราส าคัญของบริษัทด้วยไม่ แม้ในใบส่งงวด
งานของ อ. ผู้คัดค้านที่ ๒ จะระบุว่า “ทางบริษัทฯ ขอส่งงานงวดที่ ๕” บรรทัดท้ายว่า “ขอให้ท่านได้โปรดตรวจรับงานให้กับ
บริษัทฯ ด้วย จะขอบคุณยิ่ง” รวมถึงใบส่งงวดงานในงวดอื่น ๆ ที่ใช้ค าว่า “บริษัทฯ” ในท านองเดียวกัน ก็อาจเป็นความ