Page 353 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 353
ฉบับพิเศษ ประจำ�ปี 2564
ี
ื
เม่อพิจารณาตามคําพิพากษาศาลฎีกาข้างต้นและท่จะกล่าวถึงต่อไป การจดประเด็น
ข้อพิพาทมีผลทางกฎหมายแตกต่างจากการช้สองสถานหรือการกําหนดประเด็นข้อพิพาท
ี
ื
ี
ั
ั
ในคดีแพ่งท่วไปค่อนข้างมาก ท้งน้ เน่องจากตามพระราชบัญญัติจัดต้งศาลแรงงานและ
ั
วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 และข้อกําหนดศาลแรงงาน ว่าด้วยการดําเนินกระบวนพิจารณา
ั
้
ิ
็
ุ่
ํ
ในศาลแรงงาน พ.ศ. 2556 นน มงเน้นให้การดาเนินกระบวนพจารณาคดีแรงงานเปนไปโดยสะดวก
รวดเร็ว ลดรูปแบบพิธีการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบกับการดําเนิน
คดีแรงงานตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบไต่สวนโดยศาล (Inquisitorial System) ดังนั้น ในวันนัด
15
ี
พิจารณาหากศาลไกล่เกล่ยแล้วคู่ความไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลก็เพียงดําเนินการสอบถาม
คู่ความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่คู่ความยกขึ้นเป็นข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่ได้เสนอไว้
ี
ในบัญชีระบุพยาน ข้อเท็จจริงใดท่คู่ความรับกันหรือถือว่ารับกันก็เป็นอันยุติไปตามน้น
ั
ส่วนข้อเท็จจริงใดท่คู่ความฝ่ายหน่งยกข้นอ้าง แต่คู่ความฝ่ายอ่นไม่ยอมรับและเก่ยวเน่องโดยตรง
ี
ึ
ึ
ี
ื
ื
กับประเด็นข้อพิพาทตามคําคู่ความ ให้ศาลจดเป็นประเด็นข้อพิพาทและกําหนดให้คู่ความฝ่ายใด
ี
นําพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้ ด้วยเหตุน้การ “จดประเด็นข้อพิพาท”
ี
จึงไม่มีลักษณะเคร่งครัดเป็นรูปแบบพิธีการเหมือนการช้สองสถาน เป็นการดําเนินกระบวน
ี
พิจารณาท่ศาลเพียงสอบถามคู่ความถึงข้อเท็จจริงในคดีท่อ้างมาในคําฟ้องคําให้การแล้วจดไว้
ี
ี
ื
ั
เพ่อใช้เป็นแนวทางในการท่จะดําเนินกระบวนพิจารณาในข้นต่อ ๆ ไป คือการให้คู่ความนํา
พยานหลักฐานมาสืบให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีเท่าน้น ส่วนการวินิจฉัยคดีย่อมต้อง
ั
ื
เป็นไปตามข้ออ้างและข้อเถียงของคู่ความ จึงอาจพอกล่าวได้ว่า การจดประเด็นเป็นไปเพ่อ
16
ความสะดวกในการที่ศาลจะไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยคดีเท่านั้น
15 คาพิพากษาศาลฎีกาท่ 8242-8246/2549 การพิจารณาคดีแรงงานต้องบังคับตามพระราชบัญญัติจัดต้ง
ั
ี
�
ั
ศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ซ่งการดําเนินคดีแรงงานแตกต่างจากการดําเนินคดีแพ่งท่วไป โดยการดําเนินคด ี
ึ
ตามพระราชบัญญัตินี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบไต่สวน ซึ่งให้อํานาจศาลในการค้นหาความจริงดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 45 ว่า
ื
ี
เพ่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันท่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีให้ศาลแรงงานมีอํานาจเรียกพยานหลักฐานมา
สืบได้เองตามที่เห็นสมควร ไม่มีบทบัญญัติให้ต้องสืบประกอบดังกล่าว ทั้งตามคําฟ้องและคําให้การปรากฏข้อเท็จจริงได้ความ
แจ้งชัดพอวินิจฉัยได้แล้ว มิได้นําข้อเท็จจริงนอกสํานวนมาวินิจฉัยแต่อย่างใด
16 คาพพากษาศาลฎกาท 8233-8236/2547 เมอโจทก์ท้งส่กับจาเลยไม่อาจตกลงกน การทศาลแรงงานกลาง
่
ี
ั
ํ
�
ี
ิ
่
ี
ั
ี
ื
่
ได้กําหนดประเด็นข้อพิพาทและวันนัดสืบพยานตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง ก็เพื่อที่ศาลแรงงานกลางจะได้ดําเนิน
กระบวนพิจารณาต่อไปในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 45
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ 2966-2968/2548 การกําหนดประเด็นข้อพิพาทในคดีแรงงานเป็นเพียงเพ่อใช้เป็น
ื
�
ี
แนวทางในการดําเนินกระบวนพิจารณาเท่าน้น ส่วนการวินิจฉัยคดีย่อมต้องเป็นไปตามข้ออ้างและข้อเถียงของคู่ความ คดีน ี ้
ั
โจทก์ที่ 1 และที่ 3 บรรยายฟ้องและมีคําขอบังคับเรื่องเงินเพิ่มดังกล่าวมาด้วย จึงชอบที่ศาลแรงงานกลางจะต้องวินิจฉัยปัญหา
เรื่องเงินเพิ่มด้วย จะไม่รับวินิจฉัยโดยอ้างว่ามิได้กําหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ไม่ได้
351