Page 111 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 111
ดุลพาห
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปีเดียวกันนั้นเองได้เกิดคดีขึ้นอีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับการบังคับ
ตามคำาชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศและได้ขึ้นไปสู่ศาลสูงของกาตาร์ และศาลสูง
ของกาตาร์ก็ได้วางหลักในการตีความกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องนี้เสียใหม่
โดยวินิจฉัยว่ามาตรา ๖๙ ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งของกาตาร์นั้นใช้กับ
คำาพิพากษาของศาลเท่านั้น ส่วนคำาชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่อยู่
ภายใต้บังคับของอนุสัญญานิวยอร์ก และอนุสัญญาดังกล่าวก็ไม่ได้มีเกณฑ์ว่าคำาชี้ขาดจะต้อง
ทำาขึ้นในลักษณะเดียวกันกับคำาพิพากษาของศาล จึงไม่ต้องทำาในนามของเอมีร์แห่งกาตาร์
จากคำาพิพากษาของศาลสูงดังกล่าวทำาให้ความสับสนที่เกิดขึ้นในกาตาร์ในประเด็นนี้จึงเป็น
ที่ยุติไปและส่งสัญญาณที่ดีว่าทัศนคติของศาลในภูมิภาคตะวันออกกลางเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ในทางที่ดีขึ้นเพื่อให้เอื้อต่อการอนุญาโตตุลาการยิ่งขึ้นซึ่งมีความสำาคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการค้า
การลงทุนในภูมิภาค
อีกตัวอย่างหนึ่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อยและกำาลังเป็นที่สนใจในทวีปยุโรปก็คือ
คดี Stati v Kazakhstan ที่ฝ่ายผู้เรียกร้องได้นำาข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ
ภายใต้สนธิสัญญากฎบัตรพลังงาน (Energy Charter Treaty) และเป็นฝ่ายชนะคดี
อนุญาโตตุลาการกับประเทศคาซัคสถานเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อมาผู้เรียกร้องได้นำาคำาชี้ขาด
ซึ่งทำาขึ้นในประเทศสวีเดนไปขอให้ศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษบังคับ
ให้ ในระหว่างที่มีการขอให้ศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาบังคับตามคำาชี้ขาดให้นั้น ปรากฏว่า
ในชั้นการเปิดเผยพยานหลักฐาน (discovery) ได้ปรากฏพยานหลักฐานที่คาซัคสถานไม่เคย
ทราบมาก่อนและบ่งชี้ว่าฝ่ายผู้เรียกร้องได้กระทำาการฉ้อฉลบางประการ ฝ่ายคาซัคสถาน
จึงยื่นคำาร้องขอให้ศาลสวีเดนเพิกถอนคำาชี้ขาดและขอให้ศาลสหรัฐฯ และศาลอังกฤษปฏิเสธ
ไม่บังคับตามคำาชี้ขาดโดยรับฟังพยานหลักฐานใหม่ที่เพิ่งค้นพบด้วยเหตุว่าขัดกับความสงบ
เรียบร้อย ทั้งศาลสวีเดนและศาลสหรัฐฯ มีคำาสั่งไม่รับคำาร้องขอให้รับฟังพยานหลักฐานใหม่
ในขณะที่ศาล High Court ของอังกฤษนั้นยินดีที่จะให้มีการสืบพยานหลักฐานใหม่อย่างเต็มที่
โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ที่ผ่านมาศาลอังกฤษได้มีคำาสั่งให้สืบพยานโดยกล่าวไว้
อย่างน่าสนใจว่า “ศาลควรจะต้องพิจารณาในแง่ของข้อเท็จจริงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ต่อคำาชี้ขาดที่ทำามาตั้งแต่ต้น ซึ่งในคดีนี้ถึงแม้ว่าศาลสวีเดนอาจจะรับฟังพยานหลักฐานแล้ว
สรุปว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ตามนโยบายสาธารณะของสวีเดนก็ตาม แต่นโยบายสาธารณะ
ของอังกฤษไม่เหมือนกับของสวีเดน”
100 เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕