Page 113 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 113
ดุลพาห
ซึ่งเป็นการตีความความสงบเรียบร้อยที่กว้างมากหรืออีกมุมหนึ่งกรณีข้างต้นอาจจะเป็นอีก
หนึ่งตัวอย่างของกรณีที่มี “นโยบายสาธารณะ” ที่ทำาให้ศาลเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้มีคำาชี้ขาด
อนุญาโตตุลาการที่ตัดสินไม่ถูกต้องเช่นนี้อยู่อีกต่อไป มากกว่าจะเป็นการปรับใช้ “นโยบาย
สาธารณะ” กับเนื้อหาสาระของคำาชี้ขาดโดยตรง
๔. แล้วเร�จะปร�บม้�พยศตัวนี้ อย่�งไร?
ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปเราจะสามารถกล่าวได้ว่าการบังคับตามคำาชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ต่างประเทศในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความราบรื่นตามแนวทางสากลก็ตาม
แต่ทัศนคติของศาลไทยที่สะท้อนออกมาในการปรับใช้หลักการเรื่องความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในการบังคับตามคำาชี้ขาดในข้อพิพาทระหว่างภาครัฐกับ
เอกชน แม้ว่าจะเป็นคดีภายในประเทศก็ตามก็ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ
ต่างประเทศในการที่จะมาบังคับคำาชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศในประเทศไทยไม่น้อย
เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ดังที่ได้นำาเสนอข้างต้น ความลื่นไหลของนโยบายสาธารณะหรือความ
สงบเรียบร้อย เป็นปัญหาสากลที่นานาประเทศภาคีของอนุสัญญานิวยอร์กต่างก็เผชิญด้วยกัน
ทั้งสิ้น เพียงแต่อาจจะมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น
ในความเห็นของผู้เขียน เมื่อ “นโยบายสาธารณะ” หรือ “ความสงบเรียบร้อย”
เป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละประเทศตามถ้อยคำาของอนุสัญญานิวยอร์ก ความพยายามที่จะให้
เกิด “นโยบายสาธารณะ” หรือ “ความสงบเรียบร้อย” ข้ามชาติหรือนานาชาติ ที่ใช้บังคับ
อย่างสากลคงจะเป็นไปไม่ได้ หรือหากจะเป็นไปได้ก็คงจะไม่ใช่ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
ดังนั้น การที่จะปราบหรือลดความไม่แน่นอนของการตีความเรื่องความสงบเรียบร้อย
จึงควรจะต้องทำาในระดับประเทศ โดยสร้างความเข้าใจและกำาหนดเป็นแนวทางร่วมกัน
ผ่านทางเวลาระดับโลกเสียก่อนว่าศาลของทุกประเทศจะต้องพยายามเคารพความเป็นที่สุด
ของคำาชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและตีความเรื่องความสงบเรียบร้อยอย่างแคบเพื่อพยายาม
คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของคำาชี้ขาด
102 เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕