Page 193 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 193
ดุลพาห
ฎีกาที่น่าสนใจ
เผ่าพันธ์ ชอบน้ำาตาล*
คำ�พิพ�กษ�ศ�ลฎีก�ที่ ๙๘๖๖/๒๕๖๐ (ประชุมใหญ่)
ผู้ตายเป็นผู้ที่ถูกทำาให้ถึงแก่ความตายจากการกระทำาความผิดอาญาของจำาเลย
ที่ ๑ แม้พนักงานอัยการโจทก์จะบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว
สูงเกินสมควรจนไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงพอที่จะขับหลบหลีก
ไม่ให้ชนรถคันอื่นที่จอดขวางอยู่ข้างหน้าได้ทัน ผู้ตายหาได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถ
ให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้รถชนท้ายรถยนต์ที่จอดอยู่ก็ตาม แต่เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย
ไปก่อน ไม่ถูกพนักงานอัยการฟ้องเป็นจำาเลยในคดีอาญาด้วย ข้อเท็จจริงจึงยังไม่พอฟังว่าผู้ตาย
มีส่วนประมาทด้วย ผู้ตายจึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒ (๔) โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุพการีของผู้ตายจึงเข้าจัดการแทนผู้เสียหายได้ตามมาตรา
๕ (๒) การที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำาเลยที่ ๑ เป็นคดีอาญาฐานกระทำาโดยประมาท
เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าพนักงานอัยการฟ้องคดีแทนโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็น
บุพการีของผู้ตายด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาตามความหมายแห่งประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๑ ในอันที่จะต้องใช้อายุความในทางอาญาที่ยาวกว่า
มาใช้บังคับแก่คดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง
การเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญาซึ่งให้นับอายุความ
ทางอาญาที่ยาวกว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคสอง นั้น
หมายความเฉพาะการเรียกร้องจากตัวผู้กระทำาผิดหรือผู้ร่วมกระทำาผิดเป็นการเฉพาะ มิได้
หมายถึงผู้อื่นที่ไม่ได้ร่วมในการกระทำาความผิดด้วย การเรียกร้องค่าเสียหายเอาแก่จำาเลย
ที่ ๒ ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องใช้อายุความ ๑ ปี นับแต่รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง
----------------------------------------------------
* ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดบุรีรัมย์.
182 เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕